Google
 

18 พฤษภาคม 2553

เรื่องขำขำ ในหลวงของเรา(น่าจะยังไม่เคย อ่านกันแน่ๆ)

เรื่องขำขำ ในหลวงของเรา(น่าจะยังไม่เคย อ่านกันแน่ๆ)

ในหลวง, พระราชอารมณ์ขัน

- ระยะแรกราวปี พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา คราใดที่เสด็จพระราชดำเนิน
แปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง
ไป ยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับแก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง ทำนองเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่
ทรงมาถึงแล้ว


วันหนึ่งทรงขับรถ ยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่บ้าน
ห้วย มงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกัน
อย่าง สนุกสนานครื้นเครง และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์
ต้องให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้..

"
วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ..
ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว"


วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่ นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร
ในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการพร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตามและ
ทรง มีพระดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า

"
วันนี้ฉันเป็น ในหลวง..คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ.."


-
มีเรื่องนึงเคยฟังจากผู้ใหญ่เล่าเมื่อนาน มาแล้ว มีช่างไปทำฝ้าเพดานในวัง
คนนึงกำลังยืนบนบันได ส่วนหัวอยู่ใต้ฝ้า อีกคนคอยจับบันไดอยู่ด้านล่าง
พอ ดีในหลวงเสด็จมา คนที่อยู่ข้างล่างเห็นในหลวงก็ก้มลงกราบ
คนอยู่ ด้านบนไม่เห็น ก็บอกว่า "เฮ้ย จับดีๆ หน่อยสิ อย่าให้แกว่ง"


ในหลวงทรงจับบันได ให้ เค้าก็บอกว่า "เออ ดีๆ เสร็จงานนี้จะให้เป็นช่างจริง"


(
สงสัยคงจะเพิ่ง เข้ามาทำงานยังไม่ผ่านโปร) พอเสร็จก็ก้าวลง
พอเห็นว่าในหลวงเป็นคน จับบันไดให้ ถึงกับเข่าอ่อน จะตกบันได
รีบลงมาก้มกราบ


ในหลวงทรงตรัสกับ ช่างว่า "แหม ดีนะที่ชมว่าใช้ได้ แถมจะปรับตำแหน่งให้เป็นช่างอีกด้วย"



-
เรามีเรื่องเล่า เกี่ยวกับท่านให้เพื่อนๆ ฟังตั้งหลายเรื่อง
วันนี้เริ่มเรื่องนี้ ก่อนแล้วกันนะ เรื่องมีอยู่ว่า เหตุการณ์เมื่อปี
2513
วันนั้นท่านทรงเสด็จไปหมู่บ้านท้ายดอยจอมหด พร้าว เชียงใหม่
ผู้ใหญ่ บ้านลีซอกราบทูลชวนให้ไปแอ่วบ้านเฮา ท่านก็ทรงเสด็จ
ตามเขาเข้าไป บ้านซึ่งทำด้วยไม้ไผ่และมุงหญ้าแห้ง เขาเอาที่นอนมาปู
สำหรับ ประทับ แล้วรินเหล้าทำเองใส่ถ้วยที่ไม่ค่อยจะได้ล้างจน
มีคราบดำๆ จับ ทางผู้ติดตามรู้สึกเป็นห่วง เพราะปกติไม่ทรงใช้ถ้วยมีคราบ
จึง กระซิบทูลว่า ควรจะทรงทำท่าเสวย
แล้วส่งถ้วยมาพระราชทานผู้ติดตาม จัดการเอง
แต่ท่านก็ทรงดวดเอง กร้อบเดียวเกลี้ยง ตอนหลังทรงรับสั่งว่า


"
ไม่เป็นไร แอลกอฮอล์เข้มข้นเชื้อโรคตายหมด" ซึ้งไหมหล่ะ




- เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งพ่อหลวงทรงเสด็จไปทีตลาดสด
ทรงแวะไปเสวยก๋วยเตี๋ยว แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว เห็นก็สงสัย
จึงทูลถามท่านว่า

"
ทำไมหน้า เหมือนในหลวงจัง ?"

ท่านไม่ตอบอะไรได้ แต่ยิ้มๆ ทรงจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแล้วตรัสชมว่า
ก๋วยเตี๋ยวอร่อย ส่วนแม่ค้ามารู้ที่หลังว่าเป็นท่านก็ได้แต่ปลื้ม



-
ผู้หญิงตกเป็นของใคร
บางครั้ง ในหลวงของเราก็ต้องทรงทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับ ปัญหาครอบครัว เช่น ชาวเขาคนหนึ่งได้มากราบบังคมทูลร้องทุกข์ว่า

เขาได้ให้หมูสองตัวกับเงินก้อนหนึ่งแก่เมีย

แต่เมียพอได้เงินแล้วกลับหนีตามชู้ไป พระองค์ก็ทรงตัดสินว่า

สามีจะต้องได้รับเงินชดใช้ และให้ปล่อยภรรยาไปตามใจของเธอ

ญาติของทั้งสองฝ่ายก็พอใจ
รับสั่งเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า

แต่ที่แย่ก็คือ ฉันต้องควักเงินให้ไป ผู้หญิงนั้นก็เลยต้องตกเป็นของฉัน
รับสั่งแล้วก็ทรงพระสรวล
สักครู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็นำสุราพื้นเมืองมา ถวาย

ถ้าฉันเมาพับไป อะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้ …”
ในหลวง,  พระราชอารมณ์ขัน

- "
สามร้อยตุ่ม"

มีหลายหนที่ทรงงาน ติดพันจนมืดสนิท ท่ามกลางฝูงยุงที่รุมตอมเข้ามากัดบริเวณพระวรกาย รอบพระศอ พระกร พระพักตร์ รวมทั้งแมลงตาง ๆ ที่เข้ามารุมรบกวนพระองค์


พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวจะยังทรงทอดพระเนตรแผนที่อยู่ภายใต้แสงไฟฉายที่มีผ้ส ่องถวายอยางไม่สะดุ้นสะเทือน อย่างมากที่ทรงทำคือโบกพระหัตถ์ปัด ไล่เบา ๆ เท่านั้น


ครั้งหนึ่งทรงมีรับ สั่งเล่าเรื่อง "ยุง" ด้วยพระอารมณ์ขันว่า


"..
ที่บางจาก แต่ไม่มีจากหรอกนะ ยุงชุมมากเลย ไปยืนดูแผนที่
เลยโดนยุงรุมกัดขาทั้งสองข้าง กลับมาขาบวมแดง

ไปสกลนครกลับมาแล้วถึงได้ยุบลง มองเห็นเป็นตุ่มแตง

ลองนับดูได้ข้างละร้อยห้าสิบตุ่ม สองข้างรวมสามร้อยพอดี.."


-
พระองค์ท่าน เสด็จไปที่จังหวัดสกลนครเพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน
และพระองค์ก็ทรง ตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้
เพราะแขนเจ็บเข้าเฝือก


ในหลวงทรงรับ สั่งถามว่า "แขนเจ็บไปโดนอะไรมา"
ชายคนนั้นตอบว่า "ตกสะพาน "


แล้วในหลวง ทรบรับสั่งกลับไปอีกว่า

"
แล้วแขนอีกข้าง หนึ่งละ"

ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า

"
แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วย ตกข้างเดียว"
ในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล



-
พระองค์เสด็จพระ ราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ทางภาคใต้
คือจังหวัดนราธิวาส ทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรด มีความเค็ม
พระองค์จึงทรงรับ สั่งถามกับชาวบ้านที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า


"
ดินหลังบ้าน เป็นอย่างไร เค็มไหม "
ชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างง
ก่อน ตอบกลับมาว่า "ไม่เคยชิมซักที"
ในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภาร ที่ ตามเสด็จว่า

"
ชาวบ้านแถวนี้ เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ"




- ในขณะที่ในหลวงท่านทรงประชวรเข้ารับการ รักษาในโรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
มีข้าราชบริพารเข้าเยี่ยมจำนวนมาก ทุกคนคงจำได้ที่เป็นข่าวใหญ่โต ที่นายกฯ(คนนั้นแหล่ะไม่อยากจะเอ่ย)
บังอาจถวายบัตร
30 บาท ให้พระองค์ เพื่อใช้สิทธิ์ สร้างความแค้นเคืองใจให้พสกนิกรชาวไทยทุกคน
แต่ไม่มีใครรู้เบื้องหลังว่าพระองค์ทรงตอบว่าอย่างไร


ในหลวงทรงตรัสว่า "ไม่เป็นไรหรอก หากข้าพเจ้าไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ แต่คงสามารถใช้บัตรผู้สูงอายุได้
หรือจะใช้สิทธิข้าราชการของบุตรี (ฟ้าหญิง) ก็ได้"


ท่านพูดเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าถูกลบหลู่เลย พูดเสร็จก็ยื่นบัตรทองใบนั้น ให้นายกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สู
ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ว่าท่านตอบไดน่ารักมาก เคยมีคนถามผมว่า นับถือใครมากที่สุด คิดถึงคนแรกและคนเดียวเลยคือ
ในหลวง ท่านเหนือกว่ากษัตริย์ใดในโลกหล้า ยิ่งใหญ่กว่าวีรบุรุษคนใดใน ตำนาน มีคุณธรรมประเสริฐล้ำเทียบพระโพธิสัตว์
ขอถวายความจงรักภักดีจนกว่าชีวีจะหาไม่



-
..... เราจับได้แล้ว.....

ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ....ครั้งหนึ่งในงานนิทรรศการ "ก้าวไกลไทยทำ" วันที่
17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 The BOI Fair 1995 commemorates the 50th Anniversary of His Majesty King Bhumibol Adulyadej's reign"
(Board of Investment Fair 1995 BOI)
หลังจากที่เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตามศาลาการแสดงต่างๆ
ก็มาถึงศาลาโซนี่ (อิเล็กทรอนิกส์) ภายในศาลาแต่งเป็น "พิภพใต้ทะเล" โดยใช้เทคนิคใหม่ล่าสุด "
Magic Vision" น้ำลึก 20,000 league จะมีช่วงให้แล เห็นสัตว์ทะเลว่ายผ่านไปมา ปลาตัวเล็กๆ สีสวยจะว่ายเข้ามาอยู่ตรงหน้า
ข้อสำคัญเขาเขียนป้ายไว้ว่า... ถ้าใครจับปลาได้เขาจะให้เครื่องรับ โทรทัศน์ พวกเราไขว่คว้าเท่าไหร่ก็จับ ไม่ได้
เพราะเป็นเพียงแสงเท่า นั้น แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า "เราจับได้แล้ว"
พร้อม ทั้งทรงยกกล้องถ่ายรูปชูให้ผู้บรรยายดู แล้วรับสั่งต่อ "อยู่ในนี้" ต่อจากนั้นคงไม่ต้องเล่า
เพราะเมื่ออัดรูปออกมาก็จะเป็นภาพปลาและจับต้องได้ บริษัทโซนี่จึงต้องน้อมเกล้าฯ
ถวายเครื่องรับโทรทัศน์ตามที่ประกาศ ไว้...



- .....
ทุกข์ยามดึก.....

พลตำรวจตรีสุชาติ เผือกสกนธ์ ผู้อำนวยสำนักงานโครงการพระดาบส
อดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์ โทรเลข ....การที่ได้ทรงพระกรุณารับฟัง และติดต่อทางวิทยุตำรวจเป็นประจำ
จึงทรงทราบความลำบาก ความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย


.....
ตำรวจประจำ ตู้ยามบางคนคับแค้นใจ เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ปัญหาการครองชีพ
เมื่อเสพ สุราแล้วครองสติไม่ได้ ไม่รู้จะระบายความในใจกับใคร จึงได้พล่ามบรรยายมาทางวิทยุ


.....
บางคนหลับ ยามไม่พอกดคีย์ ไมโครโฟนค้าง ทำให้มีเสียงกรนออกอากาศมาด้วย

.....
บางคนตะโกน ร้องเพลงลูกทุ่ง ออกอากาศมาเป็นการแก้เหงา ก็มี

.....
ที่จัดได้ ว่าโชคดี คือ ศูนย์ควบคุมข่ายตำรวจแห่งชาติ "ปทุมวัน" กล่าวคือ
ในยาม ดึกวันหนึ่ง .....พนักงานวิทยุคนหนึ่งได้ระบายความเดือดร้อน เนื่องจากหิวโหยไม่สามารถ
หาอาหารรับประทานได้เพราะต้องเข้าเวร เมื่อทรงรับฟังแล้วทรงสงสาร
จึง ได้รับสั่งทางวิทยุกับผู้เขียนในฐานะที่เป็น ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นโดยตรงว่า


"
โปรดเกล้าฯ พระราชทานตู้เย็นเพื่อ เก็บอาหารสำรอง สำหรับเวรยามดึกให้ 1 ตู้"



-
ทรงพระนามว่าเกาะช้าง
ครั้ง หนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ทางทะเล ระหว่างทางผ่านเกาะช้าง ทรงถาม

ข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่งว่า
เกาะนั้นชื่ออะไร ข้าราชการทูลตอบว่า เกาะนั้นทรงพระนามว่า
เกาะช้างพะย่ะคะ ตรัสว่า ถ้างั้นก็เป็นญาติกับฉันน่ะสิ ” ( ถ้างงก็กลับไปอ่านอีกรอบ)


-
ส่งเสี่ยกลับวัง
เมื่อสมัยก่อนเสด็จแปร พระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง

และบางครั้งโดยลำพังพระองค์ มีครั้งหนึ่งระหว่างจะ เสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า

ไปไหมเสี่ย ปรากฎว่าเสี่ยพระองค์นี้สนพระทัยก็ตรัส จ้างไปยัง พระราชวังไกลกังวล
โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้ นึก่าเป็น ข้าราชการ แต่พอถึงหน้าพระราชวัง ทหารสั่ง วันทยาวุธ

เท่านั้นแหละ ซาเล็งถึงรู้ว่า เสี่ยที่มาส่งน่ะเป็นใคร





เคยมีคนต่างชาติ สงสัยว่า
ทำไมคนไทยรักในหลวง"


คำตอบคือ .............
คุณมีเวลามากพอที่จะฟังหรือเปล่า "







เหตุใดทรงไม่โปรดเสวย ปลานิล





"
เหตุใดจึงไม่ โปรดเสวยปลานิล" มีใจความว่า..

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดเสวยปลานิล

ทุกครั้งที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่อง เสวย

จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น โดยไม่รับสั่งอะไรเลย



จนวันหนึ่งมีผู้กล้าหาญชาญชัยกราบบังคมทูลถามว่า

เพราะเหตุใดจึงไม่โปรดเสวยปลานิล มีรับสั่งว่า

ก็เลี้ยงมันมา เหมือนลูก แล้วจะกินมันได้อย่างไร


เรื่องนี้มีตำนาน เชิญอ่าน

20
ปีก่อน ราวพุทธศักราช 2524 แรกครั้ง
พระจักรพรรดิอากิฮิโต แห่งญี่ปุ่น ยังทรงฐานันดรศักดิ์เป็นมกุฎราช กุมาร

ได้ส่งปลานิลทางเครื่องบินจำนวน
100 ตัวมาทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ปรากฏว่า เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย ปลาตายเกือบหมด เหลือรอดแบบใกล้ตายเพียง 10 ตัว


ในหลวง ทรงเป็นห่วงเป็นใยปลานิลเหล่านี้ จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำ ไปไว้ในพระที่นั่ง ทรงเลี้ยงอย่างประคบประหงม ให้อาหารด้วยพระองค์เอง จนปลานิลทั้ง
10 ตัวรอดชีวิต


แล้วปลา นิลทั้ง
10 ตัว ได้สนองพระเดชพระคุณแพร่พันธุ์ไป อีกมากมาย
ตามพระราชประสงค์เป็นอาหารคนไทย
62 ล้านคน มาจนถึงทุกวันนี้


คัดลอกจาก สาระแนดอทคอม





ภาพหลอดยาสีฟันที่เห็นนี้ ต้องเรียกว่าเป็นหลอดยาสีพระทนต์ประวัติศาสตร์

เพราะนี่คือ หลอดยาสีพระทนต์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เห็น แล้วรู้สึกเหมือนผมไหมครับ ความฉ่ำเย็นจากที่ไหนก็ไม่รู้อาบลง มากลางกระหม่อมเลย
ภาพนี้ถูกตีพิมพ์เป็นโปสเตอร์โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ

ครูที่โรงเรียนของลูกผม ไปพบเข้าเลยนำมาถ่ายสำเนา
ติดบอร์ดให้เด็กนัก เรียนได้เรียนรู้และเข้าใจคำว่า "ประหยัด"

ศาสตราจารย์พิเศษทันตแพทย์หญิงท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช

ทันตแพทย์ประจำพระองค์ อดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เขียนเล่าให้ฟังว่า




Re: ในหลวงของเรา
« ตอบ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2006, 23:55:42 »



เรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่าน
อ่านครั้งใดก็ ชุ่มชื่นหัวใจเสมอ

ท่านเป็นบุคคลพิเศษที่วิเศษมาก
ไม่สามารถจะ หาคำใด
มาอธิบายคุณลักษณะของพระองค์ให้ครบถ้วน


ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ไม่มีความคิดเห็น: