Google
 

08 สิงหาคม 2551

Thought Experiment

สุดยอดแห่งการคิดคือไม่คิด สุดยอดแห่งการสอนคือไม่สอน สุดยอดแห่งการปกครองคือไร้การปกครองและสุดยอดแห่งอื่นๆอีกมากหลักอันสวยงามแห่งเต๋าเหล่านี้ปรากฎอยู่ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่องประโยคที่ดังๆ ก็เช่น "ที่สุดแห่งวรยุทธ์กระบี่คือไร้กระบี่ ไร้กระบวนท่า"บางคนก็ว่างลึกซึ้งคมคาย บ้างก็ว่าเล่นคำกวนประสาทไร้สาระว่าแต่วิทยาศาสตร์ล่ะมองปรัชญา "สูงสุดคืนสู่สามัญ" นี้อย่างไรนานมาแล้วมนุษย์เราเชื่อกันว่าสิ่งที่เรียกว่า "เวลา" ไม่มีอยู่จริง และเรารู้สึกไปเองว่ามันมีอยู่จนกระทั่งทฤษฏีของ ไอแซค นิวตันได้นำเวลามาคำนวณเรื่องการเคลื่อนที่อย่างเป็นรูปธรรมคนเราจึงเชื่อว่าเวลามีอยู่จริง และไหลดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอทั้งจักรวาลแล้วทฤษฏีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ก็กำเนิดมาสะเทือนจักรวาลโดยการมองว่าเวลาเป็นเพียงมิติที่วางอยู่นิ่งๆพวกเราและจักรวาลต่างหากที่เคลื่อนที่ไปบนกาลเวลาและในปัจจุบัน ทฤษฏี ควอนตัมกราวิตี้ กลับบอกนักฟิสิกส์ว่าเวลาไม่มีความหมายเลย และแท้จริงแล้วเวลาอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ!!

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์บางทีก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้นทฤษฏีเรื่องแรงโน้มถ่วงก็ทำนองเดียวกันเดิมทีคนเราเชื่อว่าดวงดาวเป็นวัตถุบนสวรค์ที่ไร้ซึ่งน้ำหนักและมีคุณสมบัติแตกต่างจากวัตถุบนโลกโดยสิ้นเชิงจนไอแซค นิวตันได้เสนอแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงมาประสานโลกกับสวรรค์เข้าด้วยกันดวงดาวบนท้องฟ้าไม่ต่างไปจากก้อนหินที่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดไว้และไอน์สไตล์คนเดิมได้เสนอแนวคิดเรื่องทฤษฏีสัมพันธภาพมองว่าอวกาศเกิดการโค้งงออย่างน่าพิศวงไม่จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดทฤษฏีสัมพันธภาพได้กลืนแรงโน้มถ่วงให้หายไปในอวกาศอีกครั้งและปัจจุบัน บางทฤษฏีก็กลับมามองว่า แรงโน้มถ่วงมีอยู่จริงอีกรอบ!!

ศิลปะเองเมื่อเติบโตไปถึงระดับหนึ่งก็ซ้ำรอยไม่แพ้ประวัติศาสตร์ภาพวาดในสมัยใหม่มักเน้นความเรียบง่ายและลดตัดทอนรูปแบบจนกลับไปคล้ายภาพเขียนสมัยดึกดำบรรพ์การออกแบบก็ก่อกำเนิดตึกรูปร่างเรียบๆ บ้างโชว์วัสดุปูนเปลือยไม่ต่างากพีระมิดบทกลอนก็มีการละทิ้งสัมผัสกลายเป็นกลอนเปล่าที่กลับสู่ความบริสุทธิ์คนเราก็เช่นกันเมื่อไปถึงที่สุดแห่งการเติบโตคือความชราเราจะกลับสู่สามัญเริ่มต้นคือการเป็นเด็กอีกครั้งผู้เฒ่ามักมีธรรมชาติหลายอย่างคล้ายคลึงเด็กทารกจนน่าทึ่งทั้งกระดูกที่ไม่แข๊งแรง การทรงตัวของร่างกายที่ไม่ดีนัก

และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่คล่องแคล่วจะว่าไประบบความคิดเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์มีการพัฒนาจนต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นแต่ถ้าสุดยอดแห่งวิธีคิดด้วยเหตุผลคือ การไม่ใช้เหตุผลในการคิดวันหนึ่งมนุษย์อาจวิวัฒนาการจนวิธีคิดด้วยเหตุผลตรรกะ ไม่เหลืออยู่ในเซลล์สมองเลยแต่หันมาใช้สัญชาตญาณและสามัญสำนึกที่ไร้เหตุผลมาห่อหุ้มแทนและเมื่อวันนั้นมาถึง อยากรู้เหมือนกันว่าสุดยอดแห่งความไร้เหตุผลบนโลกที่มีแต่สัญชาตญาณและสามัญสำนึกนั้นแท้จริงแล้วคือเหตุผลที่เราใช้กันทุกวันนี้รึเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น: