Google
 

08 สิงหาคม 2551

นิทานของพ่อ

กาลหนึ่งนานมาแล้ว นานเท่าไหร่ไม่รู้ พ่อมักจะเริ่มต้นเรื่องอย่างนี้ทุกครั้งมีเจ้าหญิงอยู่องค์หนึ่ง เจ้าหญิงคนนี้เป็นคนขยัน ทำอาหารเก่ง ชอบทำงานบ้านเสมอ ๆเจ้าหญิงของพ่อมักจะเป็นคนที่ขยันเสมอ ๆ ...เจ้าหญิงได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในสวนดอกไม้ข้าง ๆ ปราสาทในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเก็บดอกไม้ผมพิมพ์มาถึงตรงนี้ ก็ต้องกด Delete ลบข้อความนั้นทิ้งเสียหมดหลังจากที่ผมนั่งจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วมั้งแต่งานเขียนของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนไปสักอย่างทั้ง ๆ ที่ผมจะต้องส่งต้นฉบับในวันพรุ่งนี้แล้วแย่จริง ๆ สมาธิหายไปไหนหมดนะบรรยากาศ ภาพความหลังในวัยเด็กหายไปไหนหมดนะ- - นี่ผมคิดผิดหรือเปล่าหนอ?

- -ที่รับงานเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับพ่อมาก็เพราะคำว่า พ่อ นี่แหละที่ทำให้ผมเขียนไม่ออกไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะพ่อไม่เคยอยู่ในความทรงจำของพ่อหรือเป็นฮีโร่เยี่ยงอย่างพ่อคนอื่น ๆ จนบางครั้งผมมีความรู้สึกราวกับว่าพ่อกับผมเป็นคนแปลกหน้าที่ต่างวัยและบังเอิญมาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันพ่อยังเป็นคนทำลายครอบครัว ทำลายความรักที่แม่มีต่อพ่ออย่างหมดสิ้นจนแม่ทนไม่ไหวต้องหย่าร้างกันไปในที่สุด และพ่อยังจะทำลายความฝันของผมอีกผมอยากเรียนหนังสือ ผมชอบงานเขียนหนังสือผมบอกกับพ่อในวันที่พ่อบอกให้ผมเลิกเรียนหนังสือและออกมาช่วยกันทำงานที่โรงกลึงของตนเอง..แกจะเรียนไปทำไมนักหนา กิจการของพ่อก็มีแล้วไอ้ความฝันบ้า ๆ บอ ๆ ของแกอีกผมทิ้งมันไม่ได้ ผมทิ้งความฝันของผมไม่ได้หรอกพ่อ ผมเถียงแต่แกต้องทิ้งมัน แกต้องมาช่วยฉันทำงาน พ่อขึ้นเสียงตอบกลับมาพ่อ มันหมดสมัยที่พ่อจะบังคับลูกแล้วนะ“แต่ฉันจะบังคับแก” พ่อยืนคำขาดพรุ่งนี้แกต้องไปลาออกผมเกลียดพ่อ ผมเกลียดความคิดโง่ ๆ ของพ่อเกลียดการกระทำของพ่อที่วัน ๆ มัวแต่นั่งทำงานงก ๆ พ่อไม่เคยสนใจผมพ่อไม่เคยถามผมสักคำว่าผมต้องการอะไร เอ๊ะอะอะไรพ่อก็บังคับผม ผมเกลียดพ่อฝ่ามืออันหนักอึ่งของพ่อกระทบลงบนใบหน้าแก้มข้างขวาของผมอย่างจังแกออกไปแกออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะ แกไม่ใช่ลูกฉันดูแลตัวเองดี ๆ นะ ผมหันมาบอกน้องชายที่ยืนอยู่ห่าง ๆก่อนที่ผมจะก้าวเดินออกจากบ้านหลังนั้นมาด้วยความเครียดแค้นที่สุมรุมอยู่ในหัวนับจากวันนั้นมา ผมเลือกใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าหลังหนึ่งตามลำพังยังดีที่มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเกือบหมื่น ซึ่งมันก็พอจะเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้บ้างแต่ผมก็ยังเฝ้าหางานทำอยู่หลายที่แต่มาตกอยู่กับการเป็นนักแสดงสมทบหรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า “ตัวประกอบ” เพื่อแลกกับเงินเพียงไม่กี่ร้อยแต่ผมก็ยังไม่ละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักเขียนหรอกผมเฝ้าฝึกฝีมืองานเขียนจนคิดว่าดีพอถึงได้ลองส่งไปลงยังนิตยสารฉบับหนึ่งจนในที่สุดก็ได้รับการตีพิมพ์ผมเริ่มมีความสุขกับการเขียนหนังสือมากขึ้นเมื่อความฝันของผมเป็นจริงหนังสือเล่มแรกในชีวิตของผมพิมพ์เสร็จเป็นรูปเล่มเรียบร้อยแล้วผมรับหนังสือจากพี่ใหม่มา เปิดออกดูทีละหน้า ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะมีโอกาสแบบนี้จริง ๆนี่มันสุดยอดความฝันของผมเลยครับพี่ ขอบคุณมากครับเอ้า!นี่หนังสือของนัทเก้าเล่ม พี่ให้นัทเอาไว้แจกเพื่อน ๆถ้าไม่พอยังไงก็เข้ามาเอาใหม่ล่ะกัน พี่ใหม่หยิบห่อกระดาษยื่นให้ผม และนี่เช็คเงินสดค่าเรื่องขอบคุณมากครับ พี่ใหม่ผมรับเช็คค่าความคิด ค่าน้ำหมึกของผมมาถือไว้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแต่ที่แน่ ๆ มันเต็มเปี่ยมจนล้นไปด้วยความภาคภูมิมาถึงตอนนี้ผมมั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันผมอยากให้พ่อรู้เหลือเกินว่าในที่สุดผมก็ทำความฝันของผมได้สำเร็จผมละภาพความหลังเก่า ๆละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยการไปเดินเล่นที่ท่าน้ำสายน้ำแห่งเจ้าพระยายังคงไหลเวียนไม่ขาดสายประกายแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำระยิบระยับเรือลำน้อย เรือลำใหญ่แล่นว่ายอย่างเช่นเคยที่ตรงนี้ล่ะที่ทำให้ผมมีความสุข รู้สึกสบายอกสบายใจทุกครั้งและมักจะได้คำตอบหรือแนวพล็อตเรื่องอยู่เสมอ ๆวันนี้ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกันเสียงเรียกเครื่องเพจเจอร์ทำลายความเงียบนั้นลงพ่อถูกรถชน พี่รีบมาด่วนนะ ผมกดข้อความจากน้องชายอ่านซ้ำไปมาใจหนึ่งลังเลจะไปดีหรือไม่ดี แต่ขาน่ะสิรีบก้าวออกไปก่อนโดยไม่รอคำตอบทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ ผมถามน้องชายเมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็พ่อน่ะสิ ทำหนังสือหล่นกลางถนน เลยหยุดเก็บ ก็เลยน้องชายพูดเสียงสั่นเครือแค่หนังสือเนี๊ยนะ เอามาแลกกับชีวิต พ่อนี่บ้าหรือเปล่าผมยังวายหยุดว่าพ่อถ้าไม่ใช่หนังสือของพี่ พ่อก็คงไม่เก็บหรอกคำพูดของน้องชายทำเอาผมอึ้งไปพูดไม่ออกหนังสือของผมเพราะหนังสือของผมเหรอพอพ่อรู้ว่า หนังสือของพี่วางแผง พ่อก็รีบไปซื้อทันทีพ่อบอกว่า…ไม่ซื้อไม่ได้… นี่ผลงานของลูก นี่ความฝันของลูกและพ่อยังบอกอีกว่าพ่อจะซื้อหนังสือของพี่ทุกเล่มมาถึงตรงนี้หยาดน้ำตาก็เริ่มไหลเอ่อรื้นอยู่เต็มขอบตาพี่รู้ไหมพ่อคิดถึงพี่มากแค่ไหน พ่อคิดถึงพี่เสมอนะพ่ออยากให้พี่กลับมาอยู่ด้วยพ่อยังบอกอีกว่า พ่อจะไม่บังคับอะไรลูก ๆ อีกแล้วชีวิตเป็นลูกพ่ออยากให้ลูกเลือกเดินเองแต่พ่อจะคอยอยู่ข้างหลังคอยเป็นกำลังใจให้ในยามที่ลูกเหนื่อยลูกท้อพ่อยังบอกอีกว่าพ่อเชื่อว่าลูกสามารถทำความฝันของตนเองเป็นจริงขึ้นได้อย่างมั่นคงคำพูดของน้องชายทำเอาน้ำตาที่เต็มไหลอาบแก้มเมื่อครู่ไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัวผมไม่เคยรู้สึกดีกับพ่อมาก่อนอย่างนี้ผมไม่เคยรู้สึกรักพ่อมาก่อนเท่าครั้งนี้ถึงเวลานี้ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่ผมจะโผเข้าสวมกอดร่างของพ่ออีกครั้งจะนานแค่ไหนไม่รู้จะนานกี่ชั่วโมงไม่รู้กว่าที่ประตูห้องฉุกเฉินนั่นจะเปิดออกแล้วผมจะกลับเข้าบ้านหลังนั้นอีกครั้ง กลับเข้าไปสู่อ้อมแขนของพ่ออีกครั้งและครั้งนี้มันคงทำให้ผมเขียนเรื่องสั้นได้ทันส่งต้นฉบับวันพรุ่งนี้แน่นอนผมตั้งชื่อเรื่องรอไว้ก่อนแล้วว่า ‘นิทานของพ่อ’พ่อคนเดียวที่สอนให้ผมรู้จักตัวเอง ให้ผมเข้มแข็งให้ยืนหยัดได้ด้วยความฝัน สองแขนสองขาของตัวเองผมอยากบอกว่า ผมรัก รักมาก อย่างที่ไม่เคยรักมาก่อนและผมก็รักพ่อไม่น้อยกว่าที่รักแม่หรอก

ไม่มีความคิดเห็น: