Google
 

08 สิงหาคม 2551

นักเดินทาง ตะเกียง และแสงจันทร

ฉันอาจเป็นเพียงตะเกียงดวงหนึ่ง ที่มีแสงเพียงน้อยนิดอาจจะไม่จำเป็นเลยในบางช่วงบางขณะ ที่พระจันทร์ทอแสงนวลกระจ่างเธออาจจะทิ้งฉันไว้ข้างทางก้อเป็นได้หากเธอคิดว่าฉันไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยฉันจึงเปรียบตะเกียง เป็นดั่ง ตัวฉัน.
..ส่วนเธอน่ะ เป็น นักเดินทางคนนึง
...ส่วนเค้าคนนั้น เป็น พระจันทร์
....นักเดินทางคนหนึ่งกับตะเกียงดวงเก่าตะเกียงที่ให้แสงสว่างในค่ำคืนที่มืดมิดตะเกียงที่ให้ความอบอุ่นได้ เมื่อนักเดินทางผู้นั้นต้องการในค่ำคืนที่สายลมหนาวได้ผ่านพัดมาอีกคราการเดินทางของนักเดินทางผู้นั้นก้อมี ตะเกียงเป็นเพื่อนคู่ชีพแสงเพียงน้อยนิดที่พอจะส่องทางได้เป็นระยะๆทำให้นักเดินทางผู้นั้นเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่ เค้ามีอยู่เมื่อเค้ามีเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมทางก็ได้กล่าวว่า"จะใช้ตะเกียงดวงเก่านี้ไปทำไม ในเมื่อแสงจากพระจันทร์ออกจะสว่างถึงเพียงนี้"นักเดินทางผู้นั้นคิดได้จึงทิ้งตะเกียงผู้น่าสงสารไว้ข้างทางหลงเชื่อคำกล่าวของเพื่อนร่วมทางซึ่งเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาแล้วก้อผ่านไปค่ำคืนนั้น เป็นคำคืนที่ยาวนานสำหรับฉัน
......ตะเกียงผู้ถูกทอดทิ้งไว้ข้างทางก้อเค้าไม่สนใจแม้แต่น้อยกลับกัน เธอนักเดินทางที่กำลังหลงระเริงกับแสงจากพระจันทร์ที่ส่องแสงนวลกระจ่าง มันสวยงาม มันชวนฝันนักเดินทางผู้นั้นจึงเดินทางไปเรื่อยๆ เพียงลำพังแค่สัมภาระ ไร้ตะเกียงดวงเก่า!เมื่อความมืดมิดแห่งค่ำคืนได้ผ่านพ้นไปแสงจันทร์ที่เคยกระจ่างยามค่ำคืนก้อเลือนหายดวงตะวันได้โผล่ขึ้นมารับอรุณบอกกับทุกคนที่อยู่ใต้ผืนฟ้าว่านี่คือเช้าวันใหม่
..............สายลมหนาว
ผ่านพัดมาเยือนอีกครา
ผ่านพัด เป็นลมหนาวที่เย็นยะเยือกตะเกียงดวงเก่าที่ถูกทอดทิ้งบัดนี้ นักเดินทางอีกคนได้ผ่านมาพบจึงเก็บไว้เป็นสมบัติตนตะเกียงจึงกลับกลายเป็น ของมีค่าอีกครั้งมันได้ทำหน้าที่เช่นเดิม คือ ให้แสงสว่างและความอบอุ่นไปพร้อมๆ กันเมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้วลำแสงสุดท้ายของวันเป็นสีส้มเป็นแสงสว่างสุดท้ายของวันนี้ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้ามา สายลมหนาวก้อเริ่มพัดแรงขึ้นๆดวงจันทร์ที่เคยทอแสงกระจ่างกลับถูกหมอกเมฆบดบังจนสิ้น!ราวกับจะกลั่นแกล้งนักเดินทางคนเก่าที่เคยเป็นเจ้าของตะเกียงเค้าผู้นั้นไม่มีแม้แต่แสงไฟที่จะใช้ส่องทางและเช่นกันเค้าไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่นนักเดินทางหนาวสั่นจะเดินต่อก็กลัว หลงทางเค้าจึงย้อนกลับไปเอาตะเกียงดวงเก่าที่ได้ทิ้งไว้เมื่อคืนก่อน
... ลมหนาวได้ผ่านพัดมา ราวกับจะทรมานนักเดินทางผู้นั้นจนกระทั่งมาถึงจุดที่เขา ได้ทิ้งตะเกียงไว้บัดนี้ตะเกียงดวงเก่าได้ สาปสูญไปแล้วเค้านึกเสียดายจับใจแม้จะเรียกร้องเพียงใดก้อมิได้กลับคืนจึงทำได้แต่เพียงนอนหนาวรอให้เมฆหมอกที่บดบังดวงจันทร์นั้นได้ผ่านเลยไปเวลาได้ผ่าน
........เมฆหมอกได้เลือนหายไปแล้วแสงจันทร์ได้กลับมาสดใสอีกคราทำให้นักเดินทาง ผู้เหน็บหนาวอุ่นใจขึ้นแต่ดวงจันทร์ก้ออยู่ไกลเกินไป.......
ไกลเกินที่จะทำให้นักเดินทางผู้เหน็บหนาวได้รับความอบอุ่น
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า"เรามักจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราครอบครองนั้นดีเพียงไรมีคุณค่ากับเราเพียงใดเราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว"เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้ผู้ที่ใฝ่สูงทั้งหลายจงหันกลับมามองคนใกล้ตัวการชะเง้อมันเมื่อยกว่าการก้ม จริงไหม?

ไม่มีความคิดเห็น: