Google
 

18 เมษายน 2553

5 เกาะ แปลก ๆ บนโลกนี้

Top 5 World's Most Amazing Islands

เกาะ เป็นพื้นดินที่ล้อมรอบด้วยน้ำ มีขนาดเล็กกว่าทวีป อาจอยู่ในมหาสมุทร ทะเล ทะเลสาบ หรือแม่น้ำ

บน โลกของเรานั้นมีเกาะมากมายหลายล้านเกาะ และหนึ่งในนั้นมีเกาะที่แปลก พิลึก และดูยังไงก็น่าพิศวง ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิ



5. ALCATRAZ ISLAND (USA): บ้านประภาคารในชายฝั่งที่สงบ


เกาะ อัลคาทราซ(Alcatraz Island) เกาะเล็กๆอยู่อยู่ใจกลางอ่าวในเมืองซาน ฟรานซิโก แคลิเฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา แปลว่าเกาะแห่งนกกระทุง ตั้งโดยนักสำรวจสเปนในปี 1775 เนื่องจากเกาะนี้เป็นที่อยู่อาศัยของรก กระทุงเต็มไปหมด แต่ไม่เหมาะต่อการเป็นที่อยู่อาศัยเพราะกระแสน้ำทะเล พื้นดินแห้งแล้งจนพืชผักมีปริมาณน้อยมาก

ตอนแรกถูกใช้เป็นประภาคาร ต่อมาในสมัยสงครามกลางเมืองที่นี้เคย เป็นที่คุมขังทหารเชลยศึกและเคยเป็นที่ คุมขังพวกอินเดียหัวรุนแรง จนกระทั้งในปี 1930 มันก็เป็นคุกที่ขังนักโทษ,เจ้าพ่อ และอาชญากรรมที่ทำความผิดทั้งหลาย และที่โด่งดังที่สุดก็คือเจ้าพ่อนาม อัล คาโปน



คุกแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคุกที่ “หินที่สุดในโลก”มันได้รับฉายาว่า The Rock เนื่องจากสมัยนั้นคุกแห่งนี้ได้ถูกลงทุนเป็นจำนวนมากในการสร้างให้ แข็งแกร่ง โครงสร้างมีความเข็มแข็งและทันสมัย ภายใต้ระบบความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ นอกจากนั้นยังมีกำแพงธรรมชาติเนื่องจากเกาะนี้ตั้งอยู่กลางอ่าวโดด เดี่ยว ล้อมไปด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง


คลิป



เกาะอัลคาทราซไม่ใช่เกาะที่โหด ร้าย ตามชื่อ เพราะเกาะนี้มีจำนวนนักโทษโดยเฉลี่ยประมาณ 260-275 คนเท่านั้น อาหารที่นั้นอยู่ในสภาพดี และ สภาพเป็นอยู่ที่ดีคือนักโทษหนึ่งคน ต่อหนึ่งห้องขัง มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำโดยไม่เบื่อ ซึ่งมีนักโทษหลายรายขอย้ายไป เกาะอัลคาทราซที่นั้น

เกาะ อัลคาทราซต้องยุติลงเมื่อมันเสื่อมโทรมตามกลางเวลา มีประวัตินักโทษสามารถแหกคุกได้ 2 ครั้ง(แต่ก็ไม่พบว่านักโทษที่แหกคุก นั้นมีชีวิตอยู่) และเสียหายอย่างหนักจากการเผาทำลายและระเบิดจาก การก่อการจลาจล



ปัจจุบันคุกเกาะอัลคาทราชเป็นสถานที่ทาง ประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยานแห่งชาติให้เป็นส่วน หนึ่งของ “Golde Gate National Recreation Area” เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถใช้เรือเฟอรี่จากท่าเรือ 33 ใกล้กับฟิชเชอร์แมนวารัฟ(Fisherman’s Wharf) ในซานฟรานซิโก นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติใน ปี 1986 และ ที่นั้นก็มีข่าวการพบเห็นผีหลอกวิญญาณหลอนปรากฏตัวอย่าง เนื่องๆ เช่น ได้เสียงตัดเหล็กทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ เสียงปิดประตูห้องขังเอง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง



4. EASTER ISLAND (Polynesian triangle, Chile): เกาะมรดกโลก เกาะแห่งประวัติศาสตร์ และเกาะที่ตั้งโดดเดี๋ยวในมหาสมุทรแปซิฟิก


เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) หรือตามภาษาถิ่นเรียกว่า เกาะราปานุย (Rapa Nui) และในภาษาสเปนเรียกว่า เกาะปัสกวา (Isla de Pascua) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ในการปกครองของประเทศชิลี ซึ่งเกาะห่างจากฝั่งประเทศชิลีกว่า 3,600 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตก เกาะที่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดอยู่ห่างฝั่งจากถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก ลักษณะของเกาะมีขนาดเล็ก มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของประเทศชิลี

เกาะอีสเตอร์ถูกค้นพบ ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ.1722 ซึ่งตรงกับวันอีสเตอร์ โดยนักสำรวจชาวฮอลันดา ชื่อ จาคอป รอกกาวีน (Jacob Roggaveen) บนเกาะในขณะนั้นมีชาวเกาะอยู่ราว 2,000 คน พวกเขาไม่เคยรู้จักโลกภายนอก ไม่มีเรือหรือพาหนะใด ๆ ที่จะใช้ในการเดินทางข้ามทะเล สภาพบนเกาะแห้งแล้ง ไม่มีป่า และไม่มีสัตว์อื่น แต่สิ่งที่ทำความอัศจรรย์ใจให้แก่รอกกาวีนและลูก เรือ ก็คือก้อนหินที่สลักเป็นรูปศีรษะคน จำนวน 200 ชิ้น ที่ตั้งเรียงรายอยู่ชายฝั่ง แต่ละรูปมีขนาดมหึมา หินบางก้อนสูงถึง 33 ฟุต และมีน้ำหนักกว่า 80 ตัน และเมื่อสำรวจลึกเข้าไปบนเกาะ ก็ได้พบรูปสลักทำนองเดียวกันอีก 700 ชิ้น บางก้อนมีความสูงถึง 65 ฟุต และหนัก 270 ตัน รอกกาวีนตั้งข้อสังเกตด้วยความฉงนฉงายว่า ชาวเกาะจำนวนแค่นี้จะสามารถสะกัดและสลักหินจำนวนมากมายได้อย่างไร ทั้งบนเกาะนี้ก็ไม่มีไม้ซุงที่จะทำเป็นตะเฆ้ และเถาวัลย์หรือพืชที่จะใช้ทำเชือกเพื่อเคลื่อนย้ายก้อนหินขนาด ใหญ่ได้


ความน่าอัศจรรย์ใจของรูปสลักศิลาบนเกาะอีสเตอร์ กลายเป็นปริศนาและนำไปสู่จินตนาการของผู้คนในยุคต่อมา มีเสนอแนวคิดว่าหินบนเกาะอีสเตอร์ก็เป็นฝีมือของคันตุกะจากนอกโลก


คลิป



เรื่องลึกลับยังไม่หมดแต่เพียง เท่า นี้นักโบราณคดีก็ทำการวิเคราะห์ว่าเมื่อ ค.ศ 400 ถึง 700 ปี มาแล้วเกาะแห้งนี้มีภูมิอากาศที่ใกล้เคียงกับป่าเมืองร้อน ปกคลุมไปด้วยดงปาล์ม และเถาไม้เลื้อย ทั้งอุดมไปด้วยสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะฝูงนกที่มีทั้งทีเข้ามาตั้งหลักแหล่งอย่างถาวรและอาศัย เกาะเป็นที่ วางไข่ มีปลาโลมาชุกชุม จนกลายเป็นเกาะสวรรค์ ทำให้จำนวนชาวเกาะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปริศนาที่ติดตามมาก็คือ แล้วป่า ฝูงนก ฝูงสัตว์ แม้กระทั่งมนุษย์ และความอุดมสมบูรณ์ บนเกาะอันตรธานไปไหนหมด เมื่อกัปตันรอกกาวีนไปถึงที่นั่น จึงพบเพียงผู้คนที่อดอยาก แห้งแล้ง แทบจะไร้สิ่งที่มีชีวิต สัตว์อื่นบนเกาะนอกจากไก่บ้านเพียงไม่กี่ตัวแมลงไม่กี่ชนิด มีเพียงแต่รูปสลักศิลาขนาดใหญ่ที่ประกาศถึงอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ และความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ตั้งเรียงรายอย่างโดดเด่น ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าชาวโพลินีเซียนในอดีตสร้างรูปหินเหล่านี้ขึ้นมา เพื่ออะไร และเคลื่อนย้ายมันไปได้อย่างไร



แม้ว่าปริศนาต่าง ๆ ของเกาะอีสเตอร์จะยังไม่ได้รับการ เฉลยอย่างชัดเจน แต่ปัจจุบันในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกประมาณ 4,000 คนจะมุ่งหน้าไปยังเกาะอีสเตอร์แห้ง นี้ เพื่อร่วมงานเทศกาลทาปาติ (Tapati) ทางเหนือของเกาะ และเกาะอีสเตอร์เคยได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็น “1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่” มาแล้ว



3. SEALAND (Principality): เกาะเล็กที่สุดในโลก


ซีแลนด์ เป็นประเทศจำลองขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ป้อมปราการทางทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ของสหราช อาณาจักรเป็นระยะ ทาง 10 กิโลเมตร (ประมาณ 6 ไมล์ทะเล) ป้อมปราการนี้ครั้งหนึ่งมีชื่อว่า "HM Fort Rough" (หรือเรียกกันว่า Rough Towers) ที่อังกฤษสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1944 ซึ่งห่างออกจากชายฝั่งอังกฤษทางด้านทะเลเหนือ 10 กิโลเมตร (6 ไมล์ทะเล) ในระหว่างสงครามเคยมีทหารประจำการอยู่ที่นี่ประมาณ 150-300 นาย เมื่อสงครามจบลง ป้อมก็ถูกทิ้งให้ร้างไปตั้งแต่ปี 1956



คลิป



ป้อมปราการแห่งนี้ถูกยึดครองโดยพันตรีแพดดี รอย เบทส์(Roy Bates) อดีตนายทหารสื่อสารแห่งกองทัพบกสหราชอาณาจักร เพื่อใช้ตั้งเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงเถื่อน ได้ ประกาศให้ป้อมกลางทะเลดังกล่าวแยกตัวเป็นอิสระจากเขตแดนของอังกฤษ และตั้งชื่อประเทศว่าซีแลนด์ รวมทั้งตั้งตัวเองเป็นเจ้าชายรอย เบทส์ หรือเรียกอีกชื่อว่า Roy of Sealand เมื่อวันที่ 2 กันยายน 1967 แต่ไม่มีการรับรองจากประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติแม้เพียง ประเทศเดียว ทำให้ที่นี่ไม่มีสถานะเป็นประเทศโดยสมบูรณ์และขาดการ ยอมรับจากนานาชาติ




2. SURTSEY (Iceland): เกาะที่พึ่งโผล่ออกมา


เซิร์ทเซย์ (ไอซ์แลนด์: Surtsey) เป็นเกาะภูเขาไฟห่างจากชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ก่อตัวขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟซึ่งเริ่มต้นขึ้น 130 กิโลเมตรใต้ระดับน้ำทะเล และขึ้นถึงผิวน้ำในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1963 การปะทุสิ้นสุดลงในวันที่ 5 มิถุนายน 1967 ซึ่งเกาะนี้มีขนาดใหญ่สุดที่ 2.7 ตารางกิโลเมตร ก่อนที่จะถูกกัดกร่อนโดยลมและคลื่นทำให้ขนาดลดลง ในปี 2007 พื้นที่ผิวของเกาะเหลือ 1.4 ตารางกิโลเมตร เกาะนี้มีชื่อมาจากเทพเจ้าเซิร์ท (Surtr เรียกในภาษาไอซ์แลนด์ปัจจุบันว่า Surtur) ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย (นอร์ส) ซึร์ทเซย์หมายถึง เกาะของเซิร์ท

คลิป





และด้วยความที่ ลาวาจากการระเบิดภูเขาไฟนั้นเองทำให้ทัศนียภาพบนเกาะสวยงามแปลก ตาอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นอันตรายสำหรับคนที่จะมาเกาะนี้เพราะ ทุกวันนี้ยังมี ขี้เถ้าลอบปลิวว่อนอยู่




1. GUNKANJIMA (Japan): เกาะผีสิงที่ห้ามเข้า


ฮะ ชิมะ(Hashima) เกาะแห่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางา ซากิ ออกไปประมาณ 15 กิโลกเมตร บนทะเลจีนตะวันออก จะพบเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัย กลางทะเล แต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่ามันร้างอย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่าผีดุ!!

ความเป็นมาดั้งเดิมของเกาะนี้ แต่เดิมเมืองนี้ชื่อ Gunkanjia หรือ Battleship Island เกิดขึ้นในยุคที่อุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ค.ศ. 1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิตซูบิชิ(Mitsubishi) ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมาก มีทั้งอพาร์เมนต์ โรงเรียนประถม สนามเด็กเล่น โรงภาพยนตร์ บาร์ โรงพยาบาล ทว่า.......ในยุค 60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากถ่านหินหมอความนิยมจากการใช้พลังงานเชื่อเพลิงอย่าง อื่น...จน กระทั่งปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษ ซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึง อดีต



ในเวลากลางวัน สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่ท่องเที่ยว สำหรับผู้สนใจ สัมผัสบรรยากาศสมัยก่อน ที่หลอนๆ นิดๆ ขนาดตอนกลางวันยังดูน่าหดหู่น่ากลัว ตอนกลางคืนยิ่งน่ากลัวหลายเท่าโดย เฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าชาวประมงมัก เห็นแสงไฟจำนวนหนึ่งลอยละล่องวน เวียนเหนือตึกสูงทั้งๆ ที่ไม่มีไฟฟ้า และได้ยินเสียงน่ากลัวดังเหมือนกับ โหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!! สถานที่นี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง "Battle Royale" และ ผู้กำกับคินจิ ฟูกาซากุ ได้เผยต่อทุกคนว่า เกาะนี้มีอาถรรพ์จริง ๆ นั่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ เกาะนี้โด่งดังยิ่งขึ้นและได้รับความสนใจเป็น อย่างมาก


คลิป



คินจิกล่าวว่า ในระหว่างการถ่ายทำ ได้พบสิ่งผิดปกติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น "มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติด เข้ามาในฉาก" หรือไม่ก็ "ฟิล์มเสียทั้ง ๆ ที่เพิ่งใช้งาน" แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กองถ่ายยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่ออรรถรสของภาพยนตร์อย่างมาก ที่สุด



เหตุการณ์ที่ผวาที่สุดในกองถ่าย และทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักอยู่เป็นอาทิตย์ ก็คือเมื่อ... ชิอากิ คูริยาม่า นักแสดงหญิงคนหนึ่ง ซึ่งรับบทเป็นนักเรียนได้เข้าฉาก และเธอได้ถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำตัวเธอ

จากคำบอกเล่าของทุกคนที่ เห็นเหตุการณ์บอกว่า ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำ และนัยน์ตาของเธอเบิกโพลงดูแข็งกร้าวขึ้น หลังจากนั้น เธอได้พุ่งเข้ามาหา โคอุ ชิบาซากิ (1 ในนักแสดงหญิง) และทำการรัดคอเธออย่างสุดแรง

ทาง ทีมงานเห็นท่าไม่ดีจึงได้เชิญมิโกะ หญิงที่เดินทางมาด้วย จัดการขับไล่วิญญาณร้ายนั้น และเป็นผลสำเร็จ

หลังจากวิญญาณนั้นออก จากร่าง เธอบอกว่า "สถานที่นี้มีดวงวิญญาณที่มีความ อาฆาตแค้นอยู่มาก และยากที่จะขจัดออกไปได้ เพราะที่ตรงนี้ คือสถานที่ของพวกเขา"

ไม่มีความคิดเห็น: