Google
 

31 มีนาคม 2553

ธรรมะของหลวงปู่ทวด

ธรรมะของหลวงปู่ทวด


พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์
image001.jpg

หลวงปู่ทวด
วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่ รู้จักกันทั่วประเทศ ใ นนาม
" หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล
3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ
บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา
เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท
เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ
6 มีนาคม พ.ศ.2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี

คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด

ธรรมประจำใจ

พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างใน โลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

สันดาน

ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมา ได

แต่สันดานของคนเราที่นอน นิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือน กันได้ยาก

ชีวิต ทุกข์

การ เกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเ! ช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ
จะต้องล้างหน้า ล้าง ปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จ แล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ
เมื่อเราจะออกจาก บ้าน
ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัย

บรรเทาทุกข์

การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้น
เราจะต้องรู้ว่า เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม
เราต้องเป็นตัวของเราเอง
และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า
สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ยากกว่าการเกิด

ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุข สบาย

ไม่สิ้น สุด

แม่น้ำ ทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ ย่อ! มไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น

ยึดจึงเดือดร้อน

ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ
โดยไม่คำนึงถึง ธรรมสากล
จักรวาลโลกมนุษยนี้! ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์ โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน
เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการ ยึดถืออายตนะ
ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ

อยู่ให้สบาย

ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบาย นั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด
อยู่กันอย่างไม่ยินดี อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่าง พยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ
เหนือนินทา เหนือความผิด หวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง
ธรรมารมณ์

การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงาน คือ
รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทน ต่างๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้น เราย่อมเกิดความโทมนัส
เสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์
กรรม

ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิด เพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์
มีความรื่นเริง
มารยาทของผู้เป็นใหญ่

ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิด ก่อน
ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาท จรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและ สรรเสริญ

โลกิยะ
หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ
ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดิน ทางโลกิยะ
ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้ง โลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า
?
ถ้าเป็นไปได้
พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้ง ธรรมราชา ไม่ดีหรือ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ ขนานกัน
เราต้องตัดสินใจ
ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง
ศิษย์แท้

พิจารณากายในกาย < /SPAN>
พิจารณาธรรมในธรรม พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

รู้ซึ้ง

ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ
เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว
เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา
ใจสำคัญ

การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะ เกิดขึ้นเกินความคาดหมาย

หยุดพิจารณา

คนเรานี้ ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเว! กคนเดียว
จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และ ถ้าภาวะนั้น
ตนไม่ ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ ! หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ
ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค

ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ
จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา
การภาวนาเป็นการบริจาคภาย ใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก
นี่คือเรื่องของนามธรรม

! ทำด้วยใจสงบ

เราจะทำบุญก็ดี
เรา จะทำอะไรก็ดี จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำ ด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น!
มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิด อารมณ์ร้อน
เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง &nb! sp;จงอย่าทำ
นั่ง ให้จิตใจมันสบายเสียก่อน
เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว
จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดย ความสะดวก
มี สติพร้อม

จะ ทำสิ่งใดก็ตาม
เรา ต้องมีสติพร้อม
คือ อย่าให้มีโทสะ
อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่า ให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล
มาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์

มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีง านทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง

คืนหนึ่งก็ดี
วันหนึ่งก็ดี ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร
ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ
ว่า ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือ ให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
คิดเอาแต่เรื่องของตัว อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้
มักเอาแต่! เรื่องของคนอื่นมาคิด ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด

ขอให้ทุกท่านเจริญ ในธรรม

ธรรมะ ของหลวงปู่ทวด อ่านแล้วส่งต่อ เพื่อเป็นธรรมทาน

ไม่มีความคิดเห็น: