Google
 

30 มีนาคม 2553

เวียงจันทน์-วังเวียง (ตอนที่1 เวียงจันทน์ในสายลมหนาว)

สปป.ลาว บนถนนสายเดิม

ย้อนกลับไปเมื่อ สองปีก่อนเป็นครั้งล่าสุดที่ผมได้มีโอกาสเยือนลาว ครั้งนั้นผมมุ่งสู่ลาวผ่านทางจังหวัดน่าน นั่งรถกระโดก กระเดกไปบนทางขรุขระสู่ลำน้ำโขงในลาวจากนั้นใช้เวลาราวหกชั่วโมง ล่องตามลำโขงสู่หลวงพระบาง

ใน คราวนั้นคณะของเราเที่ยวและนอนค้างหลวงพระบางสองคืนรุ่งเช้าวัน ที่สามเรามุ่งกลับกรุงเทพผ่านเส้นทางแห่งขุนเขาและทะเลหมอกจาก หลวงพระบางสู่วังเวียงอันเป็นเส้นทางที่บรรดาแบ็คแพคเกอร์ทั่วโลก ใฝ่ฝันว่าต้องหาโอกาสผ่านถนนสายนี้นี้สักครั้งในชีวิต ตลอด เวลาหลายชั่วโมงที่รถแล่นไปบนเส้นทางแห่งทะเลหมอกสายนี้ผมไม่แปลก ใจเลยว่าเหตุใดผู้คนจึงใฝ่ฝันว่าจะได้มาเยือนสักครั้ง

ราวบ่าย โมงเรามาถึงวังเวียงสถานที่ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปายแห่งลาว เรามีเวลาที่นี่ไม่นานนักแวะกินอาหารกลางวันรสแซ่บจากนั้นแวะ ไปชมและถ่ายภาพความงามภูเขาหินปูนและสายน้ำซองของวังเวียงพอให้ ชื่นใจ รถแล่นจากมา...ผมวาดหวังไว้ว่าจะต้องหาโอกาสมา เยือนและนอนที่วังเวียงให้ได้สักครั้ง








ทิวทัศน์บนเส้นทางสายหมอกจากหลวงพระบางสู่วังเวียง


เขา หินปูนและลำน้ำซองเสน่ห์ของวังเวียงที่ทำให้ผมย้อนคืนสู่ถนนสาย เดิม

เวียงจันทน์ มีนาคม 2553

ต้นเดือนมีนาคม แล้วอากาศในเวียงจันทร์วันนั้นหนาวเป็นเพราะช่วงที่ผมเดินทางไป เยือนลาวครั้งนี้ เป็นจังหวะความกดอากาศสูงแผ่ลงมาพอดี อากาศ จึงเย็นจากที่คิดไว้แต่แรกว่าน่าจะร้อน เรามาถึงโรงแรม ก็ค่ำแล้วโรงแรมที่คณะของเราพักเป็นโรงแรมที่เราพักเกรดกลางๆ ขนของเข้าห้องเสร็จสรรพผมออกมาเดินเล่น ยังหัวค่ำเกินไป ที่จะขลุกนอนดูทีวีอยู่ในห้อง อีกประการหนึ่งเสียงเพลง จากอิเล็คโทนจากลานจัดงานแต่งงานของโรงแรมกระตุ้นให้ผมอยาก รู้อยากเห็นพีธีการงานแต่งงานของหนุ่มสาวลาว บนระเบียงกว้างชั้นสองตอนไปถึงมีหลายคนมานั่งสนทนากันโต๊ะใคร โต๊ะมันอยู่ก่อนแล้ว ไม่แปลกใจที่กลางวงสนทนาจะเห็นเบียร์ ลาววางอวดโฉมอยู่ อากาศเย็นแบบนี้ได้บรรยากาศทีเดียว เจ้าเขียดน้องสนิทคนหนึ่งนั่งอยู่กับแฟนเรียกกวักมือเรียก ให้ไปร่วมวงด้วย มีหรือจะปฏิเสธ

บนระเบียงชั้นสอง มองลงมาบนลานกว้างเบื่องล่างเห็นโต๊ะนับสิบๆ เป็นงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ห์ ดูจากจำนวนโต๊ะถือว่าเป็นงานใหญ่ทีเดียว อ่านชื่อเจ้า บ่าวบนฉากเวทีที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าท้าวบ่งบ อกสถานะว่าเป็นข้าราชการ ขั้นตอนพีธีการก็คล้ายๆ ในบ้านเรา แต่ที่ดูมีเสน่ห์ก็เห็นจะเป็นแม่หญิงลาวนี่แหละครับ ผู้หญิง เวลานุ่งผ้าซิ่นแบบนี้ผมว่าดูมีเสน่ห์ดี แม้ปัจจุบันจะ เปิดไหล่เปิดหลังบ้างก็เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้นมาน่ารักทีเดียว

บัดสลบ

วงสนทนาบนระเบียงก็ดื่มกินกันไป งานแต่งด้าน ล่างก็ดำเนินไป อากาศเย็นในค่ำคืนเมืองเวียงจันทร์ วันนี้เป็นใจเหลือเกิน เวลาผ่านไปช้าๆ กับสายลมหนาว หลาย คนบนระเบียงเริ่มได้ที่ ดู เหมือนว่าลานข้างล่างก็รู้สึกจะได้ทีเหมือนกัน เห็นได้จากฟลอร์ด้านล่างเริ่มมีการเต้นรำกันแล้ว เต้น เป็นกลุ่มใหญ่พร้อมเพรียงกันแบบนี้ มีการหมุนและเตะเท้า แบบนี้จะเป็นท่าอื่นใดเชียวนอกจากท่าเต้นบัดสลบ(บัส สะ โลฟ)ท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ของคนลาว มุมสูงที่มองลงไป คล้ายฉากงานแต่งงานในหนังดังสบายดีหลวงพระบาง นึกถึงอนันดาที่เล่นเป็นพระเอกในบทของช่างภาพหนุ่ม เผลอคิดไปว่าถ้าเราเป็นแบบนั้นบ้างคงจะเป็นช่วงที่มีความสุขช่วง หนึ่งในชีวิตไม่ต่างจากสอนพระเอกหนุ่มของเรื่อง พอ รู้สึกตัวก็ได้แต่ยิ้มให้ความคิดตัวเองและประโยคหนึ่งก็ลอยมากระ ทบความคิดชีวิตคือวัยอันผ่านพ้น

เห็นหนุ่มสาวลาว เต้นท่าบัดสลบแล้วอดไม่ได้ที่จะกลับเข้าห้องไปคว้ากล้องออกมา บันทึกภาพ ผมไม่แน่ใจที่ไปที่มาของท่าเต้นนี้นัก ทว่าตอนที่เห็นครั้งแรกก็หลายปีมาแล้วและเห็นในกรุงเทพบ้านเรา ในงานเลี้ยงหลังจากแข่งฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างที่ทำงานผมกับทาง เทเลคอมลาวซึ่งจัดแบบเหย้าเยือนเป็นประเพณีมาหลายปี แรก เห็นสาวเทเลคอมลาวเต้นบัดสลบครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ...นับแต่ นั้น

---------------------------โปรดติดตามตอนต่อไปครับ-----------------------------------


ญาติ ผูใหญ่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยืนเรียงแถวต้อนรับแขกหน้างาน


บรรยากาศ เลี้ยงบุฟเฟห์งานแต่งงานหนุ่มสาวลาว






แขก ที่มาร่วมงานกำลังรื่นเริงกับการเต้น "บัดสลบ"

ไม่มีความคิดเห็น: