Google
 

31 มีนาคม 2553

"มะนิลา" ไข่มุกแห่งบูรพา

โบสถ์มะนิลา
“ฟิลิปปินส์” หรือ “สาธารณรัฐฟิลิปปินส์” (Republic of the Philippines) เป็นประเทศหมู่เกาะที่มีเกาะถึง7,107 เกาะ เป็นอีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงประเทศไทยของเรา ที่มีความน่าสนใจเดินทางไปเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวเชิง ศึกษาประวัติศาตร์และวัฒนธรรม

ฟิลิปปินส์มีความโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมที่ได้ รับการถ่ายทอดเอาวัฒธรรมหลายอย่างมาจากสเปนและอเมริกาในยุคอาณานิคม มามาก ทำให้ฟิลิปปินส์มีความผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมอันเป็น เอกลักษณ์เฉพาะที่รวมเอาทั้งความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน ซึ่งชวนเชิญให้น่าเดินทางไปสัมผัสและ รู้จักกับประเทศฟิลิปปินส์ให้มากขึ้น

โดยถ้าอยากจะมาเที่ยวและสัมผัสให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรมความเป็นมาของฟิลิปปินส์ ก็คงจะต้องเดินทางมายังเมืองหลวง ของฟิลิปปินส์ นั่นคือ “มะนิลา” (Manila) ตั้งอยู่บนเกาะลูซอน เดิมมีชื่อเรียกว่า “ไมนีลัด” เพราะมีต้นนีลัด ออกดอกสีขาวพราวไปหมด

ป้อมซานติเอโก
กรุงมะนิลา ถือว่าเป็นเมืองท่าที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำปาซิก (Pasig) เมื่อครั้งตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของ ประเทศสเปนได้รับสมญานามว่ "ไข่มุกแห่งบูรพา" (Pearl of the Orient) แต่ในปัจจุบันนี้มะนิลา เป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลาง การค้า การอุตสาหกรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ โดยมีที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวมากมาย ซึ่งฉันก็ขอเลือกที่จะพาไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยมชมกัน

เริ่มจากขอพาไปเที่ยวย้อนสู่อดีตกาลสัมผัสกับความ เป็นฟิลิปปินส์เมื่อสมัยอยู่ในยุคอาณานิคมกันที่ “อินทรา มูรอส” (Intramuros) ริมแม่น้ำฟาร์ซิค ไรซัล (RizalPark) ถูกสร้างขึ้น เมื่อปีค.ศ. 1571 โดยกลุ่มชาวสเปนที่จะเข้ายึดครอง เม็กซิโกและเปรูที่มีผู้นำคือ Miguel Lopez de Legaz การสร้างนี้ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากกลุ่มโจรสลัดหลายๆกลุ่มทั้ง จีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และโปรตุเกส อินทรามูรอสเคยถูกเปลี่ยนมือไปสู่การ ดูแลของอังกฤษในช่วงปีค.ศ. 1762 ก่อนที่สเปนจะตีคืนมาได้ในสองปีถัด มา และอินทรามูรอสก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งไปสู่สหรัฐอเมริกาในปีค.ศ. 1898 ก่อนที่จะถูกญี่ปุ่นเข้าทำลายและยึดครองในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 หลังจากผ่านทั้งพายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้และสงคราม อินทรามูรอสก็แทบจะไม่เหลืออะไรและกลายเป็นเมืองร้างในช่วงระยะ เวลาหนึ่ง ก่อนที่ทางการจะยื่นมือเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์จนมีสภาพดีขึ้น อย่างที่เห็นในปัจจุบัน และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

โบสถ์ซานอากุสติน
ภายในอินทรามูรอส (Intramuros) มีลักษณะเป็นป้อมปราการและกำแพงคูเมือง เป็นศูนย์กลางในการปกครอง การศึกษา วัฒนธรรม ศาสนา และการค้าในช่วงศตวรรษที่ 16 ถึงปลายศตวรรษที่ 19 ถูกสร้างเพื่อให้มีลักษณะเหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลางที่มีกำแพง ล้อมรอบ มีคูค่ายป้อมยามกั้นมิดชิด และความเจริญทุกอย่างก็กระจุกตัวกัน อยู่ภายใน ซึ่งภายในพื้นที่ประมาณ 395 ไร่ จะถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูง ด้านในประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัย โบสถ์ โรงเรียน และสถานที่ราชการ รวมทั้งยังมีสถานที่ที่น่าชมอีกมากมากมาย

อย่างที่จะพาไปเที่ยวกันก็คือ “ป้อม ซานติเอโก” (Fort Santiago) เป็นป้อมปราการที่ถือว่าเป็นด่านแรก ที่ป้องกันการโจมตีจากข้าศึก ที่เข้ามาทางปากแม่น้ำปาซิกจากอ่าว มะนิลา ป้อมแห่งนี้ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐ แต่ต่อมาถูกบูรณะซ่อมแซมเพื่อให้เป็นปูชนียสถานแห่งเสรีภาพ ซึ่งบริเวณรอบป้อมจะมีสวนหย่อมให้ได้เดินเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลิน หรือถ้าใครกลัวเมื่อยก็มีรถม้าบริการให้นั่ง วิ่งพาชมความสวยงามรอบบริเวณ ซึ่งยังมีสถานที่คุมขังนักโทษ ที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำปากแม่น้ำปาซิกให้ได้ชม

คาซา มะนิลา
จากป้อมซานติเอโก เดินทางมาชมความงามของ “โบสถ์ซานอากุสติน” (San Agustin Church) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1599 ตามแบบสถาปัตยกรรมสเปน สร้างด้วยหินทั้งหลังมีความสง่างาม เป็นสิ่งปลูกสร้างหนึ่งเดียวภาย ในอินทรามูรอสที่ไม่ถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ว่าได้สูญเสียหนึ่งในหอระฆังแฝดไปในแผ่นดินไหวปีค.ศ. 1863 และปีค.ศ. 1889 และโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นถึงสามครั้ง ซึ่งสองครั้งแรกถูกไฟไหม้ไป

โบสถ์ซานอากุสติน มีความสวยงามสะดุดตาไม่น้อย ผนังโบสถ์ด้านหน้าชวนมองด้วยสไตล์ที่นำเสาดอริกเกลี้ยงๆ มารองรับหัวเสาแบบโครินเธียน บานประตูใหญ่แกะสลักเป็นรูปนักบุญออกุสติ นกับนักบุญโมนีกาผู้มารดาได้งดงามน่าทึ่งด้วยไม้ตีนนกเนื้อแข็ง ของฟิลิปปินส์ และใกล้ๆ กับโบสถ์ยังมีสำนักสงฆ์และพิพิธภัณฑ์ที่เก็บ สมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้ชื่นชมกัน อาทิ โบราณวัตถุของฟิลิปปินส์ งานศาสนศิลป์ และเครื่องปั้นดินเผาของจีน สเปน และเม็กซิกัน

อนุสาวรีย์โฮเซ่ ไรซาล ที่สวนไรซาล
ถัดจากโบสถ์ซานอากุสติน มาเที่ยวอีกหนึ่งโบสถ์เก่าแก่ที่สำคัญของมะนิลา นั่นคือ “โบสถ์ มะนิลา” (Manila Cathedral) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่ฟิลิปปินส์ เป็นอาณานิคมของสเปนเมื่อปีค.ศ. 1579 โดยพระประสงค์ของพระสันตะปา ปาเกรกอรี่ที่ 13 โบสถ์แห่งนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่า 400 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกเผา ไฟไหม้ แผ่นดินไหว และการทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และ ปัจจุบันนี้ก็ยังคงตั้งตัวอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่าคู่กรุงมะนิลา ได้อย่างงดงาม เป็นศาสนสถานที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาตร์อัน น่าชื่นชม

เมื่อได้ชมโบสถ์สวยๆ กันจนอิ่มใจแล้ว มาเที่ยวกันต่อที่ “คาซา มะนิลา” (Casa Manila) ที่นี่เป็นย่านที่อยู่อาศัยของ ชนชั้นสูงชาวสเปนเมื่ออดีต ซึ่งถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เป็นแหล่งท่อง เที่ยวทางประวัติศาสตร์ หากเดินไปตามถนนสายเล็กๆ สองฝากฝั่งถนนจะมีตึกทรง โบราณแบบสเปนที่สวยงามแปลกตาให้ได้ชม หากได้เดินเข้าไปชมภายในบ้านโบราณ จะเห็นความสวยงามของบ้านที่อวดไม้เนื้อแข็งสวยๆ ทั้งหลัง แถมด้วยหน้าต่างบานเลื่อนเปลือกหอยมุก และภายในบ้านมีการจัดแสดงห้องต่างๆ ไว้ มีการจัดเฟอร์นิเจอร์ที่จำลองวีถีชีวิตความเป็นอยู่จริงๆในสมัยนั้น ให้ได้ชมกัน ซึ่งเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ดูสวยงามมาก และยังมีห้องใต้ดิน รวมถึงมีลานสวนสวยๆให้ได้ยลกันด้วย

ภายในพิพิธภัณฑ์บาไฮชีนอย
หลังจากได้เดินชมความ สวยงามของย่านคาซา มะนิลากันแล้ว มาเดินเที่ยวออกกำลังกายขากันต่อที่ “สวนไรซาล” (Rizal Park) หรือเรียกอีกชื่อว่า “ลูเนตา” (Luneta) เป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ของกรุงมะนิลา และภายในสวนยังเป็นที่ตั้งของ “อนุสาวรีย์ โฮเซ่ ไรซาล” (Jose Rizal) ซึ่งเป็นผู้นำในการปลดแอกฟิลิปปินส์จากสเปนในช่วง ปีค.ศ.1896-1898 และในบริเวณเดียวกันก็เป็นจุดที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสร ภาพเหนือสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1941 และอนุสาวรีย์นี้ยังมีความสำคัญใน ฐานะเป็นหลักกิโลเมตรสำหรับนับระยะถนนทุกสายในเกาะลูซอนอันใหญ่โต ที่สุดของฟิลิปปินส์อีกด้วย

อุโมงค์ปลาที่โอเชี่ยนปาร์ค
เดินเล่นภายในสวนไรซา ลได้สูดอากาศบริสทธิ์จนเต็มปอดแล้ว ขอพาไปเที่ยวพิพิภัณฑ์กันที่ “พิพิธภัณฑ์บาไฮชีนอย” (Bahay Tsinoy) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนท้องถิ่น หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นชนเมืองจีน พื้นเมืองของชาวฟิลิปปินส์ก็ว่าได้ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ถูกจัดแสดง เรื่องราวต่างๆ ไว้หลายโซน โดยบอกเล่าเรื่องราวผ่านหุ่นจำลองมากมาย ได้อย่างน่าสนใจ เรียกว่ากลับออกไปได้รับความรู้ติดกายกลับไปด้วย

มาคาติย่านธุรกิขของมะนิลา
หลังจากที่ได้พาไปเที่ยวยัง สถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์มาหลายที่แล้ว ขอเปลี่ยนบรรยากาศพาไปเที่ยวยังสถานที่สนุกสนานอย่างโลกใต้ท้องทะเล กันบ้างที่ “โอเชี่ยนปาร์ค” (Manila Ocean Park) เป็นโอเชี่ยนปาร์คขนาดใหญ่ ที่ด้านในจะได้สัมผัสถึงความเป็นอยู่อาศัย ของสัตว์ทะเลนานาชนิดหลากหลายสายพันธุ์ มีปลามากมายให้ได้ชมอย่างตื่นตา ตื่นใจ มีสัตว์น้ำแปลกๆ ที่หาชมได้ยาก รวมถึงยังมีแนวปะการังเทียมที่จัดแสดงไว้ได้อย่างเหมือนจริง และภายในโอเชี่ยนปาร์คมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ มีอุโมงค์ที่มีทางเดินยาวกว่า 25 ม. คล้ายกับที่สยามโอเชี่ยนเวิร์ด ห้างสยามพารากอนของไทยเรา ซึ่งภายในอุโมงค์นี้มีปลาจำนวนมากมายแหวก ว่ายไปมาให้ได้ชมกันแบบใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาฉลาม ปลากระเบน

อินทรามูรอส
ครั้นได้ชมโลกของท้องทะเล กันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ก็ขอเอาใจนักท่องเที่ยวที่ชอบชอปปิ้งกันสัก หน่อย โดยขอพามาที่ "มาคาติ" (Makati) แหล่งช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและเป็นย่านธุรกิจชั้นนำของกรุง มะนิลา มีโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมาย รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หลายที่ ซึ่งสาวกนักชอปทั้งหลายจะได้เลือกซื้อของที่ระลึกทั้งสินค้าพื้นเมือง และสินค้าแบรนด์เนมอันหลากหลายกันได้แบบสบายใจ และที่เที่ยวทั้งหลายที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ของสถานที่ท่องเที่ยวภายในกรุงมะนิลาที่มีมากมาย ซึ่งหากว่าใครมีเวลาท่องเที่ยวแบบสั้นๆ ไม่กี่วัน ฉันว่ากรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เพื่อนบ้านของไทยเราก็น่าเดินทางมาเที่ยวไม่น้อย เลย

ไม่มีความคิดเห็น: