Google
 

26 พฤศจิกายน 2551

วิธีเลือกยกทรงให้ได้ดั่งใจด้วยเทคนิคง่ายๆ จาก

เลือกยกทรงให้ได้ดั่งใจด้วยเทคนิคง่ายๆ จาก
คุณอรพิมพ์ ตั้งเกียรติรุ่งเสรี Product Manager
จากชุดชั้นใน BSC

การเลือกไซส์ให้เหมาะกับขนาดหน้าอก
คุณอรพิมพ์บอกกับเราว่า โดยทั่วไป สาวๆ อาจจะคุ้นเคยกับการวัดขนาดหน้าอกด้วยหน่วยเป็นนิ้ว แต่สำหรับ BSC แล้ว จะใช้วิธีการวัดขนาดหน้าอกด้วยหน่วยเซนติเมตร ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น เหตุผลที่ BSC เลือกใช้หน่วยเซนติเมตร เพราะให้ความละเอียดได้ดีกว่าหน่วยการวัดแบบนิ้ว และทุกครั้งที่วัดหาขนาดของยกทรง ควรถอดเสื้อชั้นในก่อนเพื่อให้ได้ขนาดแน่นอนที่ละเอียดมากขึ้น

ลักษณะเสื้อชั้นในแบบมีโครงและไม่มีโครงแตกต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้ว ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก เพราะทั้งสองแบบมีมาตราฐานของการเก็บทรงที่เหมือนกัน บางคนไม่ชอบใส่เสื้อชั้นในแบบมีโครง เพราะรู้สึกว่าเจ็บ ซึ่งตรงข้ามกับบางคนรู้สึกมั่นใจเมื่อใส่แบบมีโครง ทั้งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวมากกว่า เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการใส่เสื้อชั้นในทั้งสองแบบไม่แตกต่างกันเลย

วิธีใส่ยกทรงเสริมฟองน้ำให้ดูเป็นธรรมชาติคุณ
ควรเลือกยกทรงเสริมฟองน้ำเต้าเรียบหรือเสริมฟองน้ำทั้งเต้าก็ได้ ซึ่งทั้งสองแบบ เมื่อได้สัมผัส แล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนคุณไม่ได้เสริมฟองน้ำ แต่ถ้าคุณต้องการให้มีเนื้อเต้ามากขึ้นอีกนิดและยังคงความเป็นธรรมชาติ ก็ขอแนะนำให้เลือกใส่ยกทรงแบบที่มีฟองน้ำชิ้นเล็ก ดันอยู่ที่ฐานของชุดชั้นใน ยกทรงลักษณะจะทำให้เนื้อเนินหน้าอกมีมากขึ้น

วิธีใส่บราอย่างถูกต้อง
1 .ยืนและก้มตัวไปข้างหน้าให้ขนานกับพื้น เพื่อให้เต้าทรงอยู่ข้างหน้า
2 .คล้องสายเสื้อในและติดตะข้อ ห้ามติดตะข้อด้านหน้าแล้วใช้วิธีหมุนไปด้านหลังเพราะวิธีนี้จะทำให้ยางยืดเสื่อมคุณภาพเร็ว
3 .จากนั้นใช้มือโกยเนื้อเต้าจากข้างๆ เพื่อให้เนื้อเต้าเข้ามาอยู่ภายในยกทรงทั้งหมด โดยขั้นตอนการโกยนี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก จะให้เป็นบราแบบตะขอหน้าหรือตะขอหลังก็ควรจะต้องโกยเนื้อเต้าเก็บเข้ายกทรงให้หมด

ความแตกต่างระหว่างเสื้อชั้นในแบบตะขอหน้าและตะขอหลัง
ตะขอหน้า
ด้วยลักษณะของชุดชั้นในแล้วผู้ใส่มักจะคิดว่าการใส่ตะขอหน้าจะทำให้หน้าอกห่าง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด ทางตรงกันข้าม ตะขอหน้าจะช่วยให้หน้าอกชิดกันมากขึ้นและใส่ง่ายมากกว่าแบบตะขอหลัง

ตะขอหลัง
เสื้อชั้นในสามารถปรับระดับได้ถึงสามระดับ โดยเสื้อชั้นในตะขอหลังจะดีไซน์ให้เลื่อนได้ เพิ่มหรือลดระดับได้ตามความต้องการ ซึ่งตะขอหน้าจะปรับระดับไม่ได้

ขั้นตอนทำความสะอาดและวิธีจัดเก็บรักษาบรา
1.ต้องแยกสีของชุดชั้นในเพื่อกันไม่ให้สีตก และควรซักแยกจากเสื้อผ้าทั่วไป
2 .ผงซักฟอกที่ใช้ไม่ควรมีส่วนผสมของสารฟอกขาว ถ้าเลือกใช้เป็นผงซักฟอก ควรตีผงซักฟอกกับน้ำก่อนใส่ชุดชั้นในลงไป
3 .ไม่ต้องขยี้ แค่ใช้มือรูปบราแทน เพราะบราไม่ได้มีคราบสกปรกมากเท่ากับเสื้อภาพตัวนอก แล้วล้างน้ำเปล่าตามปกติ แต่ถ้าซักเครื่องให้ใส่ถุงซักผ้า เพื่อป้องกันการชำรุดของชุดชั้นใน ควรเลือกระดับในการซักอ่อนที่สุดและใช้ระยะเวลาในการปั่นในเครื่องซักผ้าแค่ 3- 5 นาทีเท่านั้น
4 .ควรตากเสื้อชั้นในในที่ร่มและมีลมโกรกก็พอ ไม่ควรตากในที่ที่มีแดดจัด เพราะโครงสร้างของเนื้อผ้าและยางยืดจะเสื่อมคุณภาพเร็ว ข้อสำคัญไม่ควรตากในห้องน้ำ เพราะในห้องน้ำจะอับและมีเชื้อโรคเยอะ
5.เวลาตากเสื้อชั้นในควรตากตามทรงของเสื้อชั้นใน คือใช้ไม้หนีบหนีบสายทั้งสองข้างไม่ใช่หนีบแค่ข้างเดียว เพราะน้ำจะไปกองตรงบริเวณเต้า ซึ่งอาจทำให้ยกทรงผิดทรงได้ และควรจัดทรงเสื้อชั้นในให้ได้ทรงก่อนตาก
6.ควรจัดเก็บตามทรงของเสื้อชั้นใน ไม่ควรพับครึ่ง เพราะอาจทำให้ชุดชั้นในเสียทรงได้ ถ้ารู้จักวิธีจัดเก็บอย่างดีแล้ว ก็จะสามารถยืดระยะเวลาในการใช้งานของเสื้อชั้นในตัวนั้นไปได้อีก

25 พฤศจิกายน 2551

บึงฉวาก รีสอร์ท ตลาด100ปี เมืองสุพรรณ

บึงฉวาก รีสอร์ท ตลาด100ปี เมืองสุพรรณ
ถ้ามีเวลาพอก็น่าจะรวมพลไปเที่ยวก็ดี'"บึงฉวากรีสอร์ท"
บึงฉวากรีสอร์ท
บ้านต้นไม้ริมบึง
บึงฉวากรีสอร์ท อยู่ในทำเลเงียบสงบสะดวกสบาย ห้องพักหรูหราริมบึง ตกปลาได้ ครัวบึงฉวากบริการอาหาร ไทย จีน ยุโรป เปิดบริการ เวลา 07.30-20.30 น. โดยกุ๊กผู้เชี่ยวชาญการปรุงอาหารปลา มีทั้งบ้านต้นไม้ และห้องพัก ห้องประชุมสัมมนา 20-50 ท่าน ห้องจัดเลี้ยง 80-100 ท่าน
ห้องพักหรูหราริมบึง
อัตราค่าบริการ

ห้องพัก---------วันธรรมดา-----วันศุกร์-เสาร์และวันนักขัตฤกษ์ อาหารเช้า
บ้านต้นไม้-------1,300 บาท-----1,600 บาท 2 ท่านต่อห้อง
บ้านเรือนเดี่ยว---2,600 บาท-----3,200 บาท 2 ท่านต่อห้อง
บ้านเรือนแถว----800 บาท------ 1,000 บาท 2 ท่านต่อห้อง
ที่นอนเสริม ราคา 300 บาท พร้อมอาหารเช้า
ติดต่อสอบถาม สำรองที่พักได้ที่
โทร. 0-3543-0099, 0-3543-0100, 08-6997-8393 โทรสาร 0-3543-0098


บึงฉวาก รีสอร์ท ตลาด100ปี เมืองสุพรรณ
ถ้าพูดถึงเมืองสุพรรณ กับท่านบรรหาร ศิลปอาชา คนมักจะรู้จักท่านบรรหารก่อนเมืองสุพรรณ ทั้งๆ ที่เมืองสุพรรณมีดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว วัดวาอาราม
ประวัติศาสตร์ความเป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณกาล ผสมผสานกับความเงียบสงบ และระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ชั่วโมงเศษก็สามารถเดินทางไปถึงเมืองสุพรรณได้อย่างสบายๆ
ในปัจจุบันสุพรรณเพิ่มสีสันให้ตัวเองด้วยการเปิดบึงฉวาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตให้กับคนภาคกลาง เพราะมีครบถ้วนทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Under Water World แบบฉบับเล็กๆ (เพราะช่วงโลกใต้น้ำเป็นระยะทางสั้นๆ) และอุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ ที่อลังการตื่นตาตื่นใจกับบรรดาน้ำเต้า ฟัก ลูกมหึมา ที่จัดเป็นรูปแบบอุโมงค์และซุ้ม หรือลูกบวบที่ยาวระโยงระยางเกือบจะระพื้น รวมทั้งพืชผักสมุนไพร (กินได้) เช่น ผักปลังขาว และผักปลังแดง ที่นำมาปลูกเป็นสวนประดับได้อย่างน่าทึ่ง
นอกจากนี้ บึงฉวากยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์จระเข้น้ำจืด และมีการแสดงระทึกขวัญระหว่างคนกับจระเข้ให้ดูชม มีสัตว์ป่า อย่างเสือไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ทัศนาระดับใกล้ชิด ถ้าจะเปรียบเปรยแล้ว บึงฉวากจึงเปรียบเสมือนดิสนีย์แลนด์รูปแบบตะวันออกอย่างเราๆ เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้ความบันเทิงและแหล่งให้ความรู้กับเด็กๆ เยาวชนอีกด้วย ในวันที่เราไปเยือนเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงแน่นขนัดไปด้วยเด็กนักเรียน และบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่พาลูกหลานกันไปเยี่ยมชมบึงฉวากกันอย่างคับคั่ง
รอบบ่าย หลังจากกินข้าวกินปลากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามีโปรแกรมดูละครที่โรงละครภาคตะวันตก สุพรรณบุรี เรื่องผู้ชนะสิบทิศ ตอนสามรักสามร่าง ซึ่งรอบนี้ถือว่าพิเศษ เพราะระดมดาราใหญ่ของกรมศิลปากรมาแสดง อาทิ อาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ ปกรณ์ พรหมวิสุทธิ์ พระเอกละครชื่อดัง
ต้องขอสารภาพว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูการแสดงละครร้องแบบนี้ ซึ่งสนุกกว่าที่คาด เพราะเนื้อหาไม่ได้โบร่ำโบราณเป๊ะๆ แต่มีการใส่ลูกเล่นเหตุการณ์ปัจจุบันเข้าไปด้วย ทั้งเรื่องจึงมีทั้งช่วงฮา ช่วงสวยงามไพเราะจากการบรรเลงปี่พาทย์พร้อมกับร้องสดประกอบละคร และการร่ายรำของนักแสดงชาย ที่อ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก ประกอบกับความโอ่อ่าอลังการของโรงละครแห่งนี้ จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมของการดูละครในวันนั้นลงตัว
หลังจากนั้นเราเดินทางเข้าพักที่วังยางรีสอร์ท ซึ่งตั้งริมแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเตรียมเปิดตัว 'ดาราสปา' ศูนย์สุขภาพแนวใหม่ยึดแนวธรรมชาติ ภายในรีสอร์ตจึงมีสวนหินเพื่อสุขภาพไว้สำหรับให้เดินเท้าเปล่า วันนั้นเราได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับโปรไบโอติกจากทันตแพทย์อนุศักดิ์ คงมาลัย เจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ ผู้ซึ่งกำลังเผยแพร่แนวคิดการดูแลสุขภาพด้วยหลักการโปรไบโอติก ที่เห็นว่าจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรในร่างกายของเรานั้นถือว่าเป็น 'ภูมิชีวิต' ที่สำคัญ ที่ควรได้รับการดูแล และสร้างเสริม เพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดี
'โปรแกรมโปรไบโอติก' ซึ่งเป็นทัวร์สุขภาพของวังยางรีสอร์ตนั้น จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ธันวาคม ศกนี้ ส่วนโปรแกรมที่เตรียมไว้ให้กับนักท่องเที่ยวต่างๆ นั้นมี 2 วัน
รุ่งอรุณของวันรุ่งขึ้น แผนตักบาตรพระที่พายเรือมารับบาตรริมน้ำของวังยางรีสอร์ทฯ ต้องเปลี่ยนไป เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาฯ ทางวัดเสาธงทองจึงงดออกบิณฑบาต แต่จัดงานให้ชาวบ้านมาทำบุญที่วัดแทน คุณหมอจึงพาคณะพวกเราหิ้วข้าวของที่จะทำบุญ ซึ่งทางรีสอร์ตจัดเตรียมไว้ให้นั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำไปยังวัดแห่งนั้นแทน
เราใช้เวลาทำบุญที่วัดเพียงเล็กน้อย เพราะต้องเผื่อเวลาการรับบริการนวดตัวนวดหน้าจาก 'ดาราสปา' เราจึงเป็นลูกค้ากลุ่มแรกนำร่องทดลองใช้บริการสปาแห่งนี้ ครั้งแรกของการใช้บริการ ต้องขอบอกว่ารู้สึกดีมากๆ สบายเนื้อสบายตัว จึงคลายข้อสงสัยที่มีมานานแล้วว่า ทำไมธุรกิจสปาถึงได้อยู่ได้ แถมยังเปิดตัวกันพรึ่บพรั่บมากมาย
'ตลาด 100 ปี สามชุก' ย่านการค้าโบราณของชาวจีนที่สามชุก เป็นเป้าหมายในช่วงบ่ายของวันนั้น พออิ่มหมีพลีมันอย่างเอร็ดอร่อยกับก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณจากร้านอาอ๋าว ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังในตลาดสามชุก ตบท้ายด้วยกาแฟโบราณเลื่องชื่อ พวกเราก็เริ่มทำความรู้จักกับตลาดสามชุก ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ จุดเด่นของตลาดแห่งนี้อยู่ที่บ้านเรือนในตลาดล้วนอยู่ในสภาพดั้งเดิมที่ทำด้วยไม้ทั้งหมด ไม่มีหลังไหนที่สร้างเป็นตึก หรือแม้กระทั่งครึ่งไม้ครึ่งตึกก็ไม่มี สภาพประมาณ 100 ปีก่อนของตลาดยังคงเหมือนเดิมหมด
โดยเฉพาะบ้านไม้สไตล์จีนของท่านขุนจำนง จีนารักษ์ ที่ยังคงสภาพแข็งแรงโอ่อ่าแม้จะมีอายุเกือบ 100 ปี

02 พฤศจิกายน 2551

CHEVROLET VOLT : รถไฟฟ้าคันแรกของโลกพร้อมผลิตแล้ว

CHEVROLET VOLT : รถไฟฟ้าคันแรกของโลกพร้อมผลิตแล้ว
ชาร์จง่ายเพียงเสียบปลั๊ก ชาร์จไฟหนึ่งครั้งถูกกว่ากาแฟหนึ่งแก้ว
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (จีเอ็ม) ก้าวสู่ศตวรรษใหม่ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการฉลองวันครบรอบ 100 ปี จีเอ็ม ด้วย เชฟโรเลต โวลต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบบ ปลั๊ก-อิน (Plug-in) ที่คนทั่วโลกเฝ้าติดตามการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โวลต์สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้ในระยะทางมากกว่า 65 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางเฉลี่ยที่ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ปราศจากมลพิษอย่างสิ้นเชิง พร้อมทั้งยังสามารถใช้งานระยะทางยาวไกลขึ้นอีกหลายร้อยกิโลเมตร เมื่อใช้ควบคู่กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มากกว่าการคาดการณ์ไว้เมื่อครั้งที่โวลต์ยังเป็นรถต้นแบบ
การเปิดตัว เชฟวี่ โวลต์ รุ่นที่จะผลิตเพื่อการจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นแนวทางสำคัญในการก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ของจีเอ็ม' มร.ริค แวกอเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นที่จะผลิตออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกของโลก
'โวลต์เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกอย่างชัดเจน ถึงแนวทางของจีเอ็มในอนาคต... และเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ของเรา ที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมที่เผชิญอยู่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต' มร. แวกอเนอร์ กล่าวอย่างมั่นใจ
การออกแบบ เชฟโรเลต โวลต์ ถูกถอดแบบมาจาก เชฟโรเลต โวลต์ ที่เป็นรถยนต์ต้นแบบและเคยเผยโฉมในงาน ดีทรอยท์ มอเตอร์โชว์ (NAIAS: North American International Auto Show) เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
จากการออกแบบเพื่อลดแรงเสียดทานของอากาศ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้โวลต์สามารถใช้งานได้ในระยะทางที่ไกลมากขึ้น ทีมวิศวกรผู้ออกแบบของจีเอ็ม ได้สร้างสรรค์ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ส่งผลอันยอดเยี่ยม สำหรับโวลต์รุ่นที่ผลิตออกจำหน่ายนี้ การออกแบบในหลายๆ จุด ได้รับการคัดสรรมาจาก โวลต์คันที่เป็นรถยนต์ต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ กระจังหน้า รูปทรงที่ดูปราดเปรียวทะมัดทะแมง กราฟฟิคดีไซน์ที่ท้ายรถ กระจกมองหลัง และส่วนอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ แผงมาตรวัดของโวลต์ถูกออกแบบให้ดูโค้งมนกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของคอนโซลหน้า ตามมุมรถและกระจังหน้ารถถูกออกแบบให้ดูเรียวบาง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดแรงปะทะกับอากาศ ช่วยให้อากาศสามารถไหลผ่านรอบตัวรถ ไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านท้ายรถ ถูกออกแบบให้มีสันขอบที่ชัดเจนดูดุดัน พร้อมทั้งออกแบบสปอยเลอร์อย่างประณีต เพื่อลดแรงเสียดทานอากาศเช่นกัน กระจกบังลมหน้า ก็ถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปด้านหลังค่อนข้างมาก เพื่อช่วยลดการเคลื่อนที่อันไร้ทิศทางของกระแสลม ที่ผ่านกระทบตัวรถและลดการทอนกำลังจากแรงลมที่เข้ามาปะทะ
ด้วยการทำงานอย่างพิถีพิถันของทีมออกแบบระบบอากาศพลศาสตร์ของจีเอ็ม ในการกำหนดรูปทรงของโวลต์ จากทั้งทีมออกแบบและวิศวกร ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีเอ็ม ทีมออกแบบ และวิศวกรของจีเอ็ม ทุ่มเทอย่างหนักหลายร้อยชั่วโมงกับการทดสอบ เชฟโรเลต โวลต์ ภายในอุโมงค์ลมของจีเอ็ม ผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งตัวรถทั้งคันหรือชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งการปะทะลมที่ด้านหน้าตัวรถ ด้านท้ายรถ สปอยเลอร์หลัง ส่วนโค้งของหลังคา และกระจกมองข้าง และด้วยการออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมนี้ ช่วยให้โวลต์สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่มากถึงประมาณ 65 กิโลเมตรโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการสันดาป และปลอดมลพิษอย่างสิ้นเชิง ตามมาตรฐานของ อีพีเอ (EPA: Environmental Protection Agency) หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ที่จะตรวจสอบ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและวัดค่ามลพิษที่ออกจากรถยนต์
ภายในของ เชฟโรเลต โวลต์ ยังมีความกว้างขวาง ให้ความสบายในการโดยสาร พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ ตามที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้พบในรถยนต์ซีดานแบบ 4 ที่นั่ง และโวลต์ยังมีสีสันการออกแบบภายใน ให้ลูกค้าเลือกใช้อย่างหลากหลาย รวมทั้งเลือกการตกแต่งระบบไฟภายในตัวรถและสีสันในสไตล์ต่างๆ ที่มักจะไม่ค่อยได้พบเห็นทางเลือกมากมายเช่นนี้ ในรถยนต์ซีดานของเชฟโรเลต ปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังถูกออกแบบอย่างล้ำสมัย วัสดุต่างๆ ได้รับการออกแบบให้ดูน่าสนใจน่าจับต้อง พร้อมด้วยหน้าจอมอนิเตอร์ 2 ตัว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ อยู่หลังพวงมาลัย และแสดงข้อมูลของรถ ติดตั้งไว้ที่คอนโซลกลาง ซึ่งมอนิเตอร์ที่คอนโซลกลางนี้ จะเป็นส่วนแสดงข้อมูลของรถ รวมทั้งควบคุมและแสดงผลการเล่นเครื่องเสียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกความบันเทิงต่างๆ สั่งงานด้วยระบบสัมผัส (touch-sensitive infotainment) ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและการออกแบบที่ทันสมัยได้อย่างลงตัวนี้ ช่วยยกระดับให้การออกแบบภายในของโวลต์ แตกต่างเหนือจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในตลาด
เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นของโวลต์
ส่วนแสดงข้อมูลการขับขี่ผ่านหน้าจอแอลซีดี แทนที่จะเป็นกรอบมาตรวัดต่างๆ เหมือนรถยนต์ทั่วไป ที่คอนโซลกลางยังติดตั้งมอนิเตอร์ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการแสดงข้อมูลต่างๆ ของโวลต์ ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารและควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความบันเทิง ด้วยระบบสัมผัส

สามารถเพิ่มเติมการติดตั้งระบบนำทางผ่านสัญญาณดาวเทียมบนฮาร์ดไดร์ฟ (hard drive) ที่ติดตั้งซ่อนไว้ในคอนโซลกลาง โดยสามารถใส่ข้อมูลแผนที่ หรือเป็นไดร์ฟสำหรับเก็บไฟล์เพลงต่างๆ ติดตั้งบลูทูธ (Bluetooth hand free) สำหรับพูดคุยโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังรองรับการเชื่อมต่อ อุปกรณ์พกพาอย่าง ยูเอสบี (USB removable drive) และอุปกรณ์บลูทูธ สำหรับการโหลดเพลง เล่นเพลง ที่อยู่ในไดร์ฟพกพาเหล่านี้อีกด้วย

เชฟโรเลต โวลต์ กลายเป็นรถยนต์ที่มาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้กับรถยนต์ ด้วยการยกระดับตัวเอง ให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางไกลมากขึ้น (E-REV: Extended-Range Electric Vehicle)

โวลต์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้ออยู่ตลอดเวลา และทุกย่านความเร็ว โดยสามารถใช้พลังงานไฟฟ้า จากแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน (lithium-ion) วิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และเมื่อไรก็ตามที่พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีหมดลง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิง E85 จะส่งกระแสไฟไปยังระบบขับเคลื่อนของโวลต์อย่างราบรื่น ในระหว่างนั้นก็จะชาร์จไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรีไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ด้วยระบบนี้จะทำให้โวลต์ สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางมากขึ้นอีกหลายร้อยกิโลเมตร จนกว่าจะหาช่องเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์จไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน อีกครั้ง เพื่อให้รถยนต์สามารถกลับมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีได้อีก แบตเตอรี่ในโวลต์แตกต่างจากแบตเตอรี่ของรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่า จะไม่พบกับปัญหาแบตเตอรี่หมดอย่างแน่นอน
เชฟโรเลต โวลต์ สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยการเสียบปลั๊กไฟเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์ทั่วไป หรือชาร์จไฟที่ 240 โวลต์ก็ได้ ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดในการชาร์จไฟทำให้โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับกระแสไฟ 240 โวลต์ หากใช้กระแสไฟ 120 โวลต์จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟนั้นยังอาจจะน้อยกว่านั้นถ้าใน แบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน ยังมีปริมาณไฟฟ้าสะสมอยู่บ้าง สำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ที่ประมาณ 27.20 บาท ต่อวัน (เมื่อคิดจากค่าไฟในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 3.40 บาท ต่อ กิโลวัตต์ชั่วโมง) ในการชาร์จแบตเตอรีให้เต็ม จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 65 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางเฉลี่ยที่ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจีเอ็มคาดว่าการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้แก่โวลต์จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการซื้อกาแฟดื่มต่อถ้วยด้วยซ้ำ และการชาร์จไฟฟ้าให้กับ เชฟโรเลต โวลต์ 1 ครั้งต่อวันในทุกวันตลอดปีนั้น จะใช้ปริมาณไฟฟ้าที่น้อยกว่าการใช้ไฟของตู้เย็นหรือตู้แช่หนึ่งตู้เสียอีก

สมรรถนะการขับขี่ของเชฟโรเลต โวลต์ แรงเหนือชั้นด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน จำนวน 220 เซลส์ ให้พละกำลังขับเคลื่อน 150 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากจะให้ความเร้าใจในการขับขี่แล้ว ความเงียบของเครื่องยนต์ในการขับขี่ เป็นจุดเด่นที่สุดของโวลต์ ทำให้ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนเล็ดลอดเข้ามาน้อยที่สุด
จากการประเมินของจีเอ็ม ค่าใช้จ่ายในการขับขี่โวลต์อยู่ที่เีพียง 0.43 บาทต่อกิโลเมตร ถูกกว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ที่ 2.55 บาทต่อกิโลเมตร (คิดตามราคาน้ำมันในสหรัฐที่ แกลลอนละ 3.60 ดอลลาร์) หากคำนวนจากการใช้รถยนต์เฉลี่ย 65 กิโลเมตรต่อวัน หรือ 24,750 กิโลเมตรต่อปี ผู้ขับขี่ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 51,000 บาท ต่อปี และถ้าหากใช้รถยนต์ในโหมดที่เป็นไฟฟ้าให้ได้มากที่สุดนั้น เชฟวี่ โวลต์ จะใช้ค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 6 เท่าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันทั่วไป นอกจากนี้ ถ้าเลือกชาร์จไฟให้กับโวลต์ในช่วงเวลาที่มีคนใ้ช้ไฟน้อย ค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟ ก็จะถูกลงด้วยเพราะค่าไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวจะถูกกว่าในเวลาปกติ

เชฟโรเลต โวลต์ จะขึ้นสายการผลิตที่โรงงานดีทรอยท์-แฮมแทรค (Detroit-Hamtramck) และจะออกสู่ตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2553 โดยยังไม่มีการกำหนดราคาค่าตัวออกมา ทั้งนี้ การผลิต เชฟโรเลต โวลต์ ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและแนวทางของรัฐบาลด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมคลิกเข้าไปได้ที่ media.gm.com/volt ครับ