Google
 

10 กรกฎาคม 2551

คณุอาน่ได้มยั้

ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้ คณุมี ความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะมีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้ ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า ฉนัเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้ มนัเปน็ปฎกร าากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า 'มนัไม่สคำญเลย ว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่ มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำนนั้อู่ยในต นำ แห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา'
ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคาวมคดิของมษุน์ยนนั้ ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ
สมงอของม์ษุยนนี่สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ ใช่เลยแต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ ถ้าคณุอาน่บควาบมนี้ได้ ชว่ยสง่ตอ่หอน่ยนะ

เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

อยากให้อ่าน ดีมาก ( เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ) : เพื่อน ๆ ช่วยอ่านข้อความนี้ดีมาก ชีวิตคน
มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพกระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต..แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน 5 - 6คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร...
วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพแกก็คว้าปืนยาว...สะพายบ่า...เดินเข้าป่าไป...อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ...คือแกงเนื้อลิง...
พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก.
เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้..แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง..
เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดข ึ้น...ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที...
แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา...จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น...ระยะแค่นี้เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน...ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก... ฝูงลิงที่แยกย้ายกันออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ... วิ่งแห่กันเข้ามาหาลิงตัวที่ถูกยิง... แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด...
แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง... โยนวัตถุเล็กๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... แล้วก็หล่นตุ๊บ... ลงมาจากต้นไม้...คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว...คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี...ลิงที่ตกลงมา...เป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง...เธอกำลังให้นม ลูก...
ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข...ทันทีที่ถูกยิง..ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้..
แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้..
เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ...รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย...เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้...แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ...มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ...พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมีเหลือทั้งหมด...ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก...ฝูงลิงเข้ามาใกล้ๆ..แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ
หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว...จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา...ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้...เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน...คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลย...ตลอดชีวิต..และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ...เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง...ชื่อว่า... ' ลิงทะโมน... 'เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก
*****************
แม่นะหรือ... คือผู้สร้าง ทุกสิ่ง อันยิ่งใหญ่คือผู้รัก ลูกตน กว่าใครใคร คือผู้คอย ห่วงใย ทุกเวลา
คือคนร้อน เมื่อลูกรุ่มกลุ้มเรื่องทุกข์คือคนสุข เมื่อลูกนั้น มีหรรษาคือคนปลอบ เมื่อลูกเหงา เศร้าอุราคือคนคอย ให้เมตตา ลูกทุกคราว
เป็นสายฝน คอยช่วยให้ ลูกสดชื่นเป็นผ้าผืนคอยห่มให้ เพื่อคลายหนาวเป็นกระโถน คอยรับทุกข์ ทุกเรื่องราวเป็นบันได ไต่ดาว ลูกก้าวไปเป็นคุณครู ผู้สอนสั่งทุกอย่างหนอเป็นคุณหมอ คอยรักษา จะหาไหนเป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ดั่งใจจะหาใครได้เท่าแม่เหมือนไม่มีสาธยาย อย่างไร คงไม่หมดพระคุณแม่ ยากแทนทด เหมือนปลดหนี้สิ่งล้ำค่าใดใด ในปฐพีจะเทียมเท่า คุณแม่นี้ ไม่มีเอย.
----- จบการส่งต่อข้อความ -----
อย่าลืม ก่อนนอนคืนนี้ กอดแม่-พ่อสักครั้งหากท่านยังมีโอกาส.....

08 กรกฎาคม 2551

52 ร้านอร่อย

ไปชิมกันซะ สัปดาห์ละร้าน ก็ครบปีพอดี

1. โจ๊กสามย่าน : ถามใครๆ ก็บอกว่าทีเด็ดอยู่ที่หมูหมักก้อนกลมกล่อม ประกอบกับเปิดขายเฉพาะช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน และช่วงเย็นประมาณหลังเลิกเรียนพอดีเลยกลายเป็นเสบียงให้นิสิตอิ่มท้องจนเรียนจบมาแล้วนักต่อนัก

2. ข้าวราดแกงวัดเล่งเน่ยยี่ : ในซอยมังกร ข้างวัดเล่งเน่ยยี่ ถนนเจริญกรุง ขึ้นชื่อในแกงประเภทแกงกะทิ โดยเฉพาะ แกงเนื้อ.. มาขายตั้งแต่ประมาณ 16.00น.เป็นต้นไป

3. โจ๊กหม้อดิน ซอยมหาดไทย : ใช้หม้อดินมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเพราะหม้อดินเป็นภาชนะธรรมชาติปลอดสารพิษเวลาโดนความร้อนแถมเก็บความร้อนไว้ได้นานเนื้อหมูใช้หมูที่ไม่มีมัน ส่วนข้าวก็ใช้ข้าวหอมมะลิ ปัจจุบันเปิดขายแฟรนไชส์แบ่งปันกำไรและความอร่อยกันให้ทั่วๆ สนใจติดต่อที่โทร.934-3995

4. ข้าวขาหมูสีลม : อยู่ในซอยตรงข้างโรงพยาบางเลิดสิน คนแถวนั้นรู้จักในนามขาหมูโกโก้ ใครอยากมาลองต้องรีบมาช่วงเที่ยงหลังบ่ายโมงไม่รับประกันเพราะจะขายหมดเร็วมาก

5. ข้าวมันไก่ตอนประตูน้ำ : นอกจากข้าวและไก่จะมีรสดีได้มาตรฐานแล้ว ที่ใครๆ ออกปากเห็นจะเป็นน้ำซุปร้อนๆ หอมและหวานน้ำต้มกระดูกไก่

6. ข้าวหมูแดงสีมรกต : ไม่ต้องสงสัยว่าข้าวหมูแดงทำไมเป็นสีเขียว..จริงๆแล้วคือนามสกุลเจ้าของร้าน มีทีเด็ดตรงที่ทุกอย่างล้วนผ่านกรรมวิธีการย่าง ย่างมาตลอดสี่สิบกว่าปี ร้านอยู่ในตรอกโรงหมูตรงข้ามวัดไตรมิตร ขายเวลา 11.30น.-22.00น

7. ข้าวขาหมูเหม่งจ๋าย :จากแยกเหม่งจ๋ายมุ่งหน้ามาทางที่จะทะลุถนนเลียบทางด่วน จะเห็นร้านอาหารหลายร้านอยู่ด้านขวามือ ข้าวขาหมูร้านที่ว่าเป็นที่ชื่นชอบของคนรักเครื่องในและหมูกรอบ

8. ข้าวผัดปู ห้าแยก ณ ระนอง: อาหารจีนชนิดอื่นๆ ทั้งกระเพาะปลา รังนก กระทั่งหูฉลาม ทั้งหมดราคาย่อมเยาและรสชาติสมเป็นอาหารจีนแท้ๆ โดยไม่ต้องขึ้นเหลา มี ผัดหมี่หยังโจวกับข้าวผัดปู เป็นเมนูหลัก ร้านเปิดขายประมาณ 18.00 น. เป็นต้นไป ที่ห้าแยก ณ ระนองตรงข้ามสโมสรการท่าเรือ

9. ร้านเต้าหู้ทอด เผือกทอด น้ำจิ้มรสเด็ด จตุจักร ร้านนี้ขายเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นที่สวนจตุจักร อยู่โครงการ 2 ซอย2 ฝั่งตรงข้ามตลาด อ.ต.ก. ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน น้ำจิ้มรสเด็ดมาก ถั่วลิสงหอมความใหม่ เผือกทอด ข้าวโพดทอด มีแต่เผือกกับข้าวโพดมากกว่าแป้ง

10. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสศรีย่าน : ตู้ใส่เส้นและลูกชิ้นค่อนข้างเก่าเนื่องจากทำมาหลายสิบปี แต่ก็ยังคงความอร่อยของลูกชิ้นไว้เช่นเดิม อยู่บริเวณตลาดศรีย่าน

11. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเด้งได้ : เป็นร้านพี่น้องอยู่ใกล้ๆกัน บริเวณท่าน้ำราชวงศ์ กระซิบว่าเจ้าของร้านไม่ค่อยอยากให้ลงแต่เพราะความอร่อยของลูกชิ้นและเส้นที่เหนียวนุ่ม เราจึงจำเป็นต้องแนะนำ ใครจะแวะไปชิมกรุณาอย่าบอกว่าอ่านเจอจากที่นี่..ขอบพระคุณค่ะ

12. หมี่กรอบจีนหลี สมัย ร.5 : เรื่องมีอยู่ว่า คุณทวดของเจ้าของร้านอพยพมาจากเมืองจีนมาทำหมี่กรอบขายอยู่ บริเวณท่าน้ำตลาดพลู ซึ่งเป็นย่านที่มีขุนนางอาศัยอยู่เยอะ วันหนึ่งพระพุทธเจ้าหลวงปลอมพระองค์เสด็จฯตรวจราชการ แล้วทรงได้กลิ่นหมี่ใกล้สุก เมื่อเสด็จฯ ครั้งต่อๆมาจึงแวะเสวยและมีพระราชดำรัสให้ไปผัดในวัง ปัจจุบันหมี่กรอบจีนหลียังตั้งอยู่ที่เดิมขายสิบโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม

13. ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย สมทรงโภชนา : เจ้าของสูตรซึ่งเป็นชาวสวรรคโลกแท้ๆ เพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน พี่วรรณลูกสาวจึงรับหน้าที่ปรุงรสก๋วยเตี๋ยวให้ได้ครบรส เดิมตั้งอยู่ในซอยวัดสังเวช ถนนท่าพระอาทิตย์เดี๋ยวนี้ขยับขยายขึ้นไปอยู่บน ศูนย์อาหารเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว

14. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาโบราณ จันทบุรี : ร้านตั้งอยู่เลยวัดตรีทศเทพเลี้ยวซ้ายไปเล็กน้อย เป็นลูกชิ้นปลาทำเอง เจ้าของร้านกิตติศัพท์เรื่องรสชาติมีมาก พอๆ กับการไม่ง้อลูกค้าคนเรื่องมากต้องระวังจะถูกเชิญให้ไปรับประทานร้านอื่น

15. ก๋วยเตี๋ยวไหหลำ : แปลกกว่าก๋วยเตี๋ยวธรรมดาตรงเส้นที่คล้ายเส้นเกี้ยมอี๋แต่ยาวกว่าใส่ผักกาดดองตามสูตรไหหลำ เนื้อหมูและวัวเลือกมาอย่างดี อยู่ตรงสะพานขาว ถนนลูกหลวง ใกล้โรงหนังแอมบาสเดอร์เก่า

16. เย็นตาโฟวัดแขก ถนนสีลม : ใครเคยไปบริเวณวัดแขกจะเห็นว่าทุกร้านล้วนขึ้นป้ายว่าเย็นตาโฟวัดแขกเจ้าเก่า แนะนำได้เพียงว่าร้านดั้งเดิมคือร้านที่อยู่ใกล้กับวัดแขกมากที่สุด แต่เรื่องรสชาติต้องลองชิมดูเองว่าร้านไหนจะถูกปากใคร

17. ไก่ย่างแม่วันเพ็ญ : ไก่ย่างและไก่ย่างทอดร้อนๆ ทอดจนกรอบแล้วโรยเครื่องเทศให้หอม เข้าได้ทั้งจากซอยอาภาภิรมย์ ข้างกรมการค้าส่งออก ถนนรัชโยธิน หรือจากซอยโชคชัย 4 ถนนลาดพร้าวก็ได้ ผู้ไม่คุ้นทางสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 0 1818 2608

18. กระเพาะปลาน้ำแดง : ใช้เวลาเตรียมแต่เช้ามืดเพื่อเปิดขายตอนประมาณสี่โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม เพราะต้องเคี่ยวกระดูกไก่นาน 4 ชั่วโมง ผสมกับเครื่องปรุงอย่างดีทำให้ได้น้ำหอมหวาน แต่เดิมขายในรถเดี๋ยวนี้กลายเป็นแผงอยู่หน้าที่จอดรถตลาดสวนหลวง ใกล้สนามกีฬาแห่งชาติ

19. อาหารไทย ร้านครัวอรรถรส ซอยเสือใหญ่อุทิศ : มีทั้งก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ส้มตำผลไม้ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ฯลฯ รวมไว้ในร้านเดียวกัน เจ้าของรวบรวมอาหารอร่อยจากที่ต่างๆ มาพัฒนารสชาติปรับส่วนที่เข้มข้นเกินไปให้อร่อยลงตัวไปอีกแบบ หาร้านไม่เจอโทรศัพท์ถามได้ที่ 0 2541 7043

20. ส้มตำจตุจักร : ฝั่งตรงข้ามตลาด อ.ต.ก. ผ่านซุ้มหนังสือเก่าเลี้ยวขวาจะเจอร้านส้มตำฝุ่นตลบ ซึ่งมีอาหารอีกหลายอย่างให้เลือก อาทิ ไก่ทอดหมูยอ ก๋วยจั๊บญวน ที่อร่อยอาจเป็นเพราะรอนานจนหิวก็เป็นได้

21. ปลาหมึกย่างสยามสแควร์ : คุณป้าใช้ปลาหมึกสดๆ จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด ราคาอาจสูงไปนิด แต่ก็สมเหตุสมผลกับค่าทำเล และคุณภาพอาหาร อยู่ในสยามสแควร์ซอย 4

22. ไก่ทอด 7 กระทะ : ไก่ทอดจนกรอบเกรียม รวมกับกระเทียมเจียวร้อนๆทำให้มีลูกค้ามากมายมาย ืนรอ เมื่อไม่ทันใจจึงต้องใช้กระทะถึง 7 ใบ จากแยกรัชดา-สุทธิสาร มุ่งหน้าสู่แยกที่จะลัดออกสู่ลาดพร้าวอยู่ทางซ้ายมือ

23. ไก่ทอดเจ๊กี : บางคนเรียกไก่ทอดโปโล เพราะตั้งอยู่ในซอยโปโลตรงข้ามสวนลุมพินี เป็นร้านเก่าร้านแก่ตั้งแต่รุ่นเจ๊กี คือคุณแม่ คิดสูตรไก่ทอดโรยกระเทียมเจียวหอม พร้อมอาหารประเภทส้มตำ น้ำตกเปิดบริการตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า มีบริการจัดส่งบริเวณใกล้เคีัยง โทรศัพท์สั่งได้ที่ 0 2655 8489

24. เป็ดย่างพูลสิน : เลยวัดตรีทศเทพมาเล็กน้อย เป็ดย่างสุกกำลังเหมาะจนหนังกรอบ เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว

25. ห่านพะโล้ฉั่วคิมเฮง : ตรงมาจากถนนเพชรบุรีตัดใหม่ข้ามแยกคลองตันมาถนนพัฒนาการ จะเห็นร้านใหญ่ซ้ายมือ ร้านดั้งเดิมปัจจุบันยังอยู่ท่าดินแดง ชื่อฉั่วกิมฮวดเก่าแก่จนได้รับฉายาว่าเป็นห่านสามชั่วคน

26. ไก่ย่างจิรพันธ์ : ร้านขายอาหารอิสลามล้วนๆ นอกจากไก่ย่างยังมีเนื้อสะเต๊ะ ข้าวหมกไก่ แถมด้วยข้าวหมกแพะจากถนนรามคำแหงเลี้ยวที่แยกพระราม 9 มุ่งหน้าไปทางมอเตอร์เวย์จะอยู่ทางซ้ายมือเลยปั๊มเชลล์ไปประมาณ 500 เมตร

27. เนื้อย่างเกาหลี สูตรบึงพลาญชัย : ต้นตำรับดั้งเดิมขายอยู่ใกล้ๆ บึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด คุณนิภานำสูตรมาตั้งร้านที่หมู่บ้าน ต.รวมโชค ซอยโชคชัย 4 ถนนลาดพร้าว จุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปร้อนๆ ในหม้อย่างสามารถทานได้เลยเพราะผ่านการปรุงมาแล้ว

28. สะอาด : ขายเสต๊กที่ผ่านการดัดแปลงรสชาติให้เข้ากับคอคนจีนได้เป็นอย่างดี ในร้านยังมี ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส เป็นเมนูเด็ดประจำร้าน อยู่บนถนนอิสรภาพใกล้สี่แยกบ้านแขก

29. ห่านพะโล้สะพานเหลือง : ผ่านการต้มมาอย่างดีจนเนื้อไม่เหนียวและไม่คาวเหมือนห่านพะโล้ทั่วๆ ไปอยู่ย่านสะพานเหลือง ริมถนนพระราม 4 ถ้ามุ่งหน้าหัวลำโพงจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงแยกบรรทัดทอง อาหารว่างและของหวาน

30. ร้านกาแฟโบราณเอี๊ยะแซ : โบราณสมชื่อ เพราะเปิดมาแล้วเจ็ดสิบกว่าปีใช้เมล็ดกาแฟจากไร่ประจำนำมาคั่วทำให้ได้รสกาแฟแท้ดั้งเดิม เปิดรับคนตื่นเช้าตั้งแต่ตีสี่ครึ่งไปจนถึงสี่ทุ่ม ที่ร้านบนถนนเยาวราช-พาดสาย ตรงข้ามเท็กซัสสุกี้ นอกจากนี้ยังหาดื่มได้ตามศูนย์อาหารทั่วกรุงเทพฯ และเซ็นเตอร์พ้อยท์ เอาใจคอกาแฟรุ่นใหม่

31. ขนมเบื้องวังเดิม : สังเกตเห็นได้ง่ายเนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่าขนมเบื้องธรรมดาใช้แป้งถั่วเขียวละเลงเป็นแผ่น เพราะหอมกว่าแป้งสาลีแล้วเคลือบด้วยไข่ มีให้เลือกทั้งไส้หวาน และไส้เค็ม ชื่อวังเดิมเพราะร้านเก่าอยู่แถววังเดิม เดี๋ยวนี้อยู่ลานอาหารไทย ดิโอลด์สยามพลาซ่า

32. ไอศกรีมทิพรส : ไอศกรีมกะทิหลากชนิด มีให้เลือกทั้งกะทิโบราณ กะทิรวมมิตร และกะทิทรงเครื่อง มีบริการแพ็คกลับบ้านได้ ราคาไม่แพง อยู่บริเวณสี่แยกเตาปูน มุ่งหน้าไปทางตลาดเตาปูน

33. ร้านขนมไทยหวานดำรงค์ : ร้านปัจจุบันเปิดมาตั้งแต่ปี2508 ได้มรดกทางฝีมือการทำขนมมาจากคุณแม่ ซึ่งเจ้าของร้านถ่อมตัวว่าไม่ได้มาจากวังไหน แต่คุณหญิงหลายๆ ท่านก็มาสั่งทำขนมชั้นขนาดใหญ่ ตะโก้ และขนมเปียกปูน อยู่เสมอๆ ร้านเปิดเจ็ดโมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม หยุดวันอาทิตย์ อยู่ในตลาดเจริญผล ใกล้สี่แยกเจริญผล หรือจะโทรศัพท์สั่งก็ย่อมได้ ที่ 02215 2345

34. ถั่วแปบ ซอยละลายทรัพย์ : เดิมขายสาคูและข้าวเกรียบปากหม้อแล้วมาทำถั่วแปบเสริม แต่ด้วยความที่ถั่วแปบเจ้านี้แป้งนิ่มกำลังดี ลูกค้าหันมาซื้อกันมากจนทำไม่ทัน จึงต้องหันมาขายเฉพาะถั่วแปบเป็นหลัก ที่ซอยละลายทรัพย์ถนนสีลม

35. ปอเปี๊ยะ/ มะตะบะ ท่าพระจันทร์ : กรรมวิธีการทอดต่างจากร้านอื่น ตรงทอดแป้งเป็นแผ่นบาง โรยด้วยไส้ นำมาซ้อนกัน 3 ชั้น ห่อด้วยแป้งแล้วจึงทอดอีกครั้ง วิธีนี้จะทำให้มีความกรอบและนุ่มพอดิบพอดี ร้านใกล้ๆ กันขายปอเปี้ยะทอดที่ใส่เครื่องกุ้งและหมูสับเต็มๆ คำ รสดีด้วยเครื่องเทศและความกรอบใหม่

36. โรตีกรอบ หน้าเพาะช่าง : พัฒนามาจากโรตีแผ่นกลมธรรมดา มาเป็นโรตีแผ่นสี่เหลี่ยมทอดจนกรอบ ใส่กล่องหรือใส่จาน แนะนำให้ทานร้อนๆ จะอร่อยเป็นทวีคูณ

37. เซ็งซิมอี๊ : อี๊หมายถึงแป้งที่ปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ ส่วนเซ็งซิมหมายถึงชื่นใจ เซ็งซิมอี๊ ร้านที่ว่าเป็นร้านสะท้าน โลกันต์ อยู่บริเวณตลาดสวนหลวงเช่นกัน ขายช่วงเย็นๆ ไปจนค่อนคืน

38. ลอดช่องสิงคโปร์ ร้านประโยชน์ : อยู่ระหว่างสามแยกกับวงเวียน 22 เป็นร้านเล็ก ๆ แต่รสชาติไม่เล็กเหมือนร้าน

39. ไอศกรีมไข่แข็ง : โดยการใส่ไข่แดงล้วนๆ ลงในไอศกรีมกะทิความเย็นจะกลบกลิ่นคาวกลายเป็นรสชาติหอมมันแทน ร้านอยู่ถัดจากเซ็งซิมอี๊ที่ตลาดสวนหลวงไปประมาณ 2-3 ห้อง

40. ซ่าหริ่มชูถิ่น : บอกชื่อไป ไม่มีใครไม่รู้จักขายทั้งซ่าหริ่มและขนมไทยอีกหลายชนิด คนชอบทำขนมหลายคนดีอกดีใจ ที่ร้านนี้มีแป้งทำขนมขายพร้อมวิธีทำบอกเสร็จสรรพ แต่จริงๆ แล้วร้านเขาขายแป้งมาแต่เดิมต่างหาก

41. มนต์ นมสด : ชื่อร้านคือชื่อเจ้าของร้าน คุณมนต์ช่วยคุณพ่อทำร้านนม-กาแฟ มาตั้งแต่ 10 ขวบ เริ่มตั้งแต่เป็นรถเข็นย้ายที่แล้วที่เล่าจนมาได้ที่ปัจจุบันอยู่ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพฯเปิด ขาย 14.00น.-24.00น. เน้นความซื่อสัตย์ที่ขนมปังสังขยาสดใหม่ทุกวันและไม่ใส่สารกันบูด

42. ราดหน้า 4 สี ร้านชิ้งกี่: คือสีของเส้น รวมกับสีน้ำตาลของหมูหมักสีเหลืองของไข่ดาว และสีน้ำตาลเข้มของหมูแฮม ซึ่งจริงๆ แล้วคือหมูทอดกระเทียม แต่ลูกค้าเห็นว่าอยู่คู่กับไข่ดาวก็เลยพากันเรียกหมูแฮมจนติดปาก ร้านชิ้งกี่ เคยมีโอกาสรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ รวมทั้งคนใหญ่คนโตหลายๆ ท่านมาแล้ว อยู่ ใกล้สวนรมณีย์นาถ ถัดจากซอยร้านหวายนายเหมือนไปหนึ่งซอย

43. ผัดไทยสำราญราษฎร์ : ผัดไทยร้านนี้เป็นผัดไทยกุ้งสดเจ้า แรกของเมืองไทย ตั้งอยู่ตรงข้ามประตูผีวัดสระเกศใกล้ๆ กันมีผัดไทยทิพย์สมัยให้เลือกชิมได้อีกที่ในบริเวณเดียวกันจะมีอาหารอร่อยหลายร้าน แต่ขอให้ระวังสอบถามราคาก่อน เพราะอาหารบางร้านก็ราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ

44. เย็นตาโฟประตูผี : เลยร้านผัดไทยมาจะเห็นร้านตี๋เย็นตาโฟอยู่ตรงหัวมุมแยกสำราญราษฎร์ ตั้งโต๊ะขายช่วงกลางคืนเต็มพื้นที่ และคนก็มากพอๆ กับจำนวนโต๊ะ สอบถามได้ความว่าลูกชิ้นมีหลากหลาย และน้ำซุปก็อร่อยเกินหน้าเกินตาเย็นตาโฟร้านอื่น

45. ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ : ร้านที่แนะนำนี้ทำทั้งก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ และก๋วยเตี๋ยวอบไก่ สูตรแรกจะคั่วเส้นกับไข่จนหอมแห้ง อีกสูตรใส่ไข่แล้วปิดฝาหม้อให้กลิ่นอบอยู่ข้างใน อยู่ซอยตรงข้ามโรงพยาบาลกลาง

46. ก๋วยเตี๋ยวคั่วทะเล : ร้านนี้ขายทั้งคั่วทะเลและคั่วไก่ แต่ที่ขึ้นชื่อจะเป็นคั่วทะเลเพราะใส่ทั้งกุ้งและปลาหมึกให้ด้วยอยู่ในซอยข้างตลาดวรจักร หาไม่ยากแต่ทางเข้าวังเวงเล็กน้อย สาวๆ อยากลองควรหาใครไปเป็นเพื่อนสักคนสองคน

47. ข้าวมันไก่เจ๊ยี : ตรงข้ามวัดสระเกศ ขึ้นชื่อเรื่องข้าวมันแสนนุ่มและไก่ต้มยุ่ยกำลังดี ขายช่วงสายๆ จนถึงกลางวัน ต้องรีบไปเช่นกันเพราะช้าหมดจะอดชิม

48. ข้าวต้มปลา 5 แยก : บริเวณ 5 แยกพลับพลาไชย ความอร่อยอยู่ที่ความสดของเนื้อปลากะพง ปลาหมึก กุ้ง และหอยนางรมตัวโต เมื่อปรุงกับข้าวต้มร้อนๆ น้ำจะออกมาจากตัวเนื้อ ทำให้ข้าวต้มหอมและหวาน

49. ก๋วยเตี๋ยวหลอด : ก๋วยเตี๋ยวหลอดในซอยข้างสถานีตำรวจพลับพลาไชย มีข้อดีที่เส้นนุ่มกำลังดี ไม่เหนียวเกินไป ไม่เละเกินไป และไม่มันเกินไป ทานอร่อยได้ไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง

50. ก๋วยจั๊บเผ็ด : เนื่องจากตำเม็ดพริกไทยใส่ลงไปตอนทำน้ำต้มกระดูกแถมโรยพริกไทยในชามอีกครั้ง เพื่อให้รสชาติเข้มข้นถึงใจ มีสาขาอีกร้านเป็นญาติกัน เปิดร้านใหญ่อยู่ตลาดเยาวราช แต่ความเข้มข้นอาจจะไม่เท่าเพราะที่นี่อาซิ่มท้าว่า คนเป็นหวัดมากิน..หวัดหายกันมาแล้วทุกราย ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยโรงเลี้ยงเด็ก แต่เจ้าของบอกว่าอยู่ใน ซอยนาคบำรุงต่างหาก

51. ก๋วยเตี๋ยวหลอดเยาวราช : ร้านแรกเป็นรถเข็นอยู่ต้นถนนเยาวราชฝั่งขวา ก่อนแยกเข้าถนนผดุงด้าว สังเกตได้จากปริมาณคลื่นคนที่อออยู่หน้าร้าน ลูกค้าบอกว่ามีดีที่เครื่องเยอะและรสชาติเข้มข้น หรือถ้าอยากชิมก๋วยเตี๋ยวหลอดแบบที่ยังคงความเป็นหลอดไว้ก็ต้องเดินเลยมาอีกนิด อยู่ฝั่งซ้ายมือ ปากซอยที่มีร้าน 7-11 อยู่ด้านใน เด็ด..เช่นกัน

52. ก๋วยเตี๋ยว, เกาเหลา เนื้อตุ๋น เจ้ผอม ตลาดปีระกาอยู่ที่เวิ้งนครเกษมหน้าตลาดสด ร้านนี้น้ำซุปอร่อยมาก เอ็นตุ๋นนุ่มมาก เครื่องในไม่มีกลิ่นคาว รับรองได้ชิมแล้วจะ ติดใจ ขอเพิ่ม 1 ร้าน คือหนมปังปิ้งทาเนย (ความจริงมีหลายรส แต่เพิ่งลองทาเนยโรยน้ำตาล และใส่นมบาง ๆ) หร่อยมาก ติดใจเลย ว่าจะไปกินอีก ไม่แพงด้วย คู่ละ 12 บาท รับรองว่าหร่อยกว่ามนต์นมสดแน่นอน อยู่ในซอยข้างสนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภฯ)

03 กรกฎาคม 2551

เรื่องสุนก ๆ ของคณิตศาสตร์

> 1) คีย์ ตัวเลข 3 ตัวแรกของเบอร์มือถือคุณในเครื่องคิดเลข
> ( เฉพาะเบอร์โทร ไม่รวมรหัสนำ 01,06,09)
> 2) คูณ ด้วย 80
> 3) บวก 1
> 4) คูณ ด้วย 250
> 5) บวก ด้วย ตัวเลข 4 ตัวที่เหลือของเบอร์มือถือ
> 6) บวก ด้วย ตัวเลข 4 ตัวที่ เหลือของเบอร์มือถืออีกครั้ง
> 7) ลบ 250
> 8) สุดท้าย หารด้วย 2

<>> > ***** ใช่เบอร์มือถือของคุณรึเปล่าเอ่ย ?

It might be good idea.

ไม่เติม esso, shell และถ้าจะให้ดีร่วมมือกันไม่ซื้อมากกว่าที่จำเป็นต้องใช้ ถ้าทุกครั้งเราเคยเติม 1000 หรือเต็มถ้ง คราวนี้เราจะไม่ยอมเติมมากกว่าจำเป็นที่จะใช้ วันนี้จะวิ่ง 30 กม. ก็เติม 4.5 ลิตรหรือ 200 บาท
จะวิ่งอีก 70 กม. ก็เติม 10 ลิตรหรือ 400 บาท
จะวิ่งอีก 100 กม. ก็เติม 14 ลิตรหรือ 500 บาท
อย่าเติมเยอะ ไม่ต้องไปตุนเพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะขึ้นราคา
คราวนี้สต็อกน้ำมันในคลังก็จะล้น เพราะปริมาณที่เคยขายทุกวันก็จะถูกเลื่อนให้ไปขายในอนาคตแทนที่จะเป็นวันนี้ มันอยากขายก็ต้องลดราคาลงมา ให้มันรู้ว่าไผคือไผ เคยมีคนศึกษากรณีไข่ไก่แพง และได้ลองทำล้กษณะนี้ได้ผลมาแล้ว
สั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อย เริ่มลงมือปฏิบัติการได้เลย ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย และช่วยกันกระจายข่าวไปให้มากที่สุด
สามัคคีคือพลังส่งมาให้อ่านกันเพราะอยากให้ราคาน้ำมันลดลงจริงๆ พวกเราโดนโอเปครวมหัวขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม ก็น่าจะมีมาตรการที่จะต่อสู้ ตอบโต้กลับไปบ้าง ข้อเสนอข้างล่างนี้ก็น่าจะเป็นข้อเสนอหนึ่ง ที่ถ้าร่วมกันทำจริงๆ ก็น่าจะแสดงอะไรออกมาได้บ้าง

Please forward to all your friends in Singapore and Overseas…
I am NOT BUYING SHELL & MOBIL from now on till their prices start dropping.

Subject: How to force Oil companies reducing their petrol price !!!!

THIS IS NOT THE 'DON'T BUY' PETROL FOR ONE DAY, BUT IT WILL SHOW YOU HOW CAR OWNERS CAN GET GASOLINE PRICE DOWN TO US$2.00 PER GALLON BY JUST FORWARDING THIS EMAIL TO 10 PEOPLE !!!

This idea was written out by a retired Coca Cola Executive. It came from one of his engineer buddies who retired from Halliburton, an oil exploration company in U.S. If you are tired of the gasoline price is going up and up, AND it will continue to rise, take time to read this please.

Mr Phillip Hollsworth offered his good idea. This makes MUCH MORE SENSE than the 'don't buy gasoline on a certain day' campaign that was going around last year April or May! It's worth your effort to join the campaign !!!!

I heard that price of petrol going to hit close to US$ 4.00 a gallon by next summer, and it might go up higher !

YOU want gasoline prices to come down ?

All we need to do is we must take some intelligent, UNITED ACTION NOW.

The oil companies laughed at us on last year 'Don't Buy Petrol For One day Campaign' because they knew we wouldn't continue to 'hurt' ourselves by refusing to buy gasoline. It was more of an inconvenience to us than it was a problem to the oil companies. This time is different, consumers have the power to bring down the price of goods !!! This is a plan that can really work. Please rea! d on and join us!

You're probably thinking that gasoline priced at about $2.00/gallon is normal due to oil price has hit all time high of US$120/barrel !!!

The oil companies and the OPEC nations have conditioned us to think that the only way for the gasoline price is up, medias reporting brisk car sales in China and India, power hungry nations building more power plants to grow their economy, the growth of dragon(China) and elephant(India) will gobble up most of the world resources; oil reserve going down and depleting in 50 years time, this is how we are being conditioned(brain washed)

NOW we need to act together to show them(oil companies and OPEC) that BUYERS can control the marketplace... not sellers.

The only way we are going to see the price of gas coming down to a reasonable level is if we hit oil companies' revenue by not buying their products! And, we can do it WITHOUThurting ourselves.

How? Since many of us owned and rely on our cars, we can't just stop buying gasoline!!!!

But we CAN have an impact on gas price if we all act together to force a price war among the oil companies!!!

Here's the idea: For the rest of this year, DON'T buy gasoline from the two biggest companies, EXXON-MOBIL and SHELL, some car owners being brain washed to use a particular brand of petrol in order to keep their car engines in tip top condition which is not true, any brand ! will wor k well for your cars, you can reconfirm this if you have a friend who is a petroleum engineer, If not, just fill up your tank with another brand which you never used before to confirm it.

When the oil companies that we are boycotting are not selling any gas for a week, they will be inclined to reduce their prices. If they reduce their prices, the other companies will have to follow suit; oil companies work like a cartel !!!!

To have an impact, we need to reach literally millions of Exxon-Mobil and SHELL gas buyers.. In the past, it was an uphill task but now, it's really simple to reach millions even billions of people. Keep reading and I will show you how to do it through the power of internet.

I am sending this note to 30 people. If each of us send it to at least ten more (30 x 10 = 300) ... and those 300 send it to at least ten more (300 x10 =3,000)... and so on, by the time the message reaches the sixth group of people, we will have reached over THREE MILLION consumers. If those three million get excited and pass this on to ten friends each, then 30 million people will have been contacted!

If it goes one level further, you guessed it.....THREE HUNDRED MILLIONs PEOPLE!!! This 300 millions people just email this to 5 of his/her contacts, we reached 1.5 billions people !!!

Are you excited as I am ? all you have to do is send this to 10 people or more if you can, its so simple, isn't it? Just Do it ! OK ???

(If you don't understand how we can reach 1500 MILLIONS people and all you have to do is send this to 10 people.

How long would all this take? If each of us sends! this e- mail out to ten or more people within one day of receipt, all 1500 MILLIONs people could be contacted within the next 9 days !!!

I'll bet you didn't think you and I had so much power, did you! Acting together we can make a difference.

If this makes sense to you, please pass this message on. I suggest that we don't buy from

EXXON-MOBIL and SHELL UNTIL THEY LOWER THEIR PRICES AND

KEEP THEM DOWN. THIS CAN REALLY WORK.

Thank you
Phillip Hollsworth

จดหมายจากลูก-พ่อ ต้องอ่านนะครับ

กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ
คุณพ่อคะ คุณแม่คะ
เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือเปล่าคะ
ผ่านมาเกือบครึ่งปีตั้งแต่หนูเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ
หนูไม่ได้ติดต่อคุณพ่อคุณแม่เลย
หนูอยู่ที่นี่สบายดี...พี่มากเค้ารักหนูและดูแลหนูเป ็นอย่างดี
สงสัยหรือคะว่าพี่มากคือใคร
จำได้มั้ยคะวันที่หนูจากคุณพ่อคุณแม่ที่สถานีรถทัวร์ เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ
รถทัวร์ที่หนูนั่งมาเกิดอุบัติเหตุใกล้ปั๊มน้ำมันแห่ งหนึ่งในกรุงเทพฯ
หลังเกิดอุบัติเหตุ มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังหนูเต็มไปหมดเลยค่ะ
และมีคนขโมยกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าตังค์ไป
พี่มากเค้าเป็นเด็กปั๊มที่นั่นค่ะ
พอรถชนกันเค้าก็เข้าไปช่วยปฐมพยาบาล
เราเจอกันที่นั่นค่ะคุณพ่อเค้าเป็นคนดีมาก
เราพูดคุยกันซักครู่ใหญ่
รู้สึกถูกคอกันมากคุณแม่ขา
นี่แหละมั้งคะที่เรียกว่ารักแรกพบ
พอเค้ารู้ว่าหนูยังไม่มีที่พักไม่มีญาติในกรุงเทพฯ
และยังไม่รู้จะไปพักที่ไหนแถมยังบาดเจ็บจากอุบัติเหต ุ
พี่มากเลยชวนหนูไปอยู่ด้วยกันที่หอพักใกล้ๆปั๊มน้ำมั นนั้น
ด้วยความตกใจและไม่มีที่พึ่งทำให้หนูรับปากพี่เค้าไป โดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าคุณพ่อคะพี่มากเป็นคนดีมากค่ะ เค้าไม่เคยแตะต้องตัวหนูเลย
เราอยู่ด้วยกันปร ะมาณ2เดือน พี่มากจึงขอหนูแต่งงานค่ะ
หนูขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อน
แต่ด้วยความใกล้ชิดทำให้หนูไม่สามารถยั้งใจไว้ได้
จึงได้บอกตกลงพี่มากเค้าไป
อภัยให้เรานะคะนึกว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ
ที่จะเกิดมาดูโลกนี้อีกไม่นานเท่าไร
หนูกำลังมีหลานให้คุณแม่ค่ะ
คาดว่าการเรียนเทอมแรกนี้คงต้องพักไว้ก่อน
หรือไม่ก็ต้องเลิกเรียนไปเลย
เพราะว่าหนูคงต้องช่วยพี่มากหาเงินก่อนที่ท้องจะใหญ่ ไปกว่านี้
พอลูกคลอดแล้วก็คงต้องอยู่เลี้ยงลูกอีก คงไปเรียนไม่ได้
เงินทองก็หมดไปทุกวันๆแต่หนูก็ยังสุขใจดีค่ะ ไม่ต้องห่วง
คุณพ่อคุณแม่อย่าโกรธหนูนะคะ
มันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ
แต่หนูคิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงจะให้อภัย
เมื่อคลอดลูกแล้วหนูจะพาพี่มากและลูกไปกราบเท้าคุณพ่ อคุณแม่ที่บ้านนะคะ
ที่หนูเขียนจดหมายมาหาคุณพ่อคุณแม่วันนี้
มีข่าวดีและข่าวร้ายมาบอกค่ะ
ข่าวดีก็คือที่หนูเล่ามาทั้งหมดนั่น
เป็นเรื่องไม่จริงค่ะหนูล้อเล่นค่ะ!!
ส่วนข่าวร้ายก็คือเทอมแรกหนูสอบได้F 3 วิชาD 2 วิชา และ C อีก1วิชา
เห็นมั้ยคะ มันไม่ได้ร้ายแรงไปกว่าที่หนูเล่ามาตั้งแต่ต้นหรอก
ดีกว่าซะอีกจริงมั้ยคะ ฉะนั้นอย่าโกรธหนูนะคะ
ด้วยรักและเคารพอย่างสูง
หนูดาที่รักของคุณพ่อคุณแม่
ป.ล.เงินที่คุณพ่อให้มาหมดแล้วล่ะค่ะ
ถ้าคุณพ่อจะเห็นใจช่วยโอนเงินเข้าให้หนูด้วยนะคะ'



จดหมายตอบกลับ
สวัสดีจ้ะลูกรักของพ่อ
ที่ลูกเล่ามาทั้งหมดตั้งแต่แรกนั่นน่ะ ทำเอาพ่อใจไม่ดีไปเลยเชียว
พ่ออ่านจดหมายลูกได้แค่ครึ่งเดียวก็โกรธจัดจนไม่ได้อ ่านต่อ
เพราะว่าบันดาลโทสะทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันยกใหญ่
แม่เค้าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะเค้ารักลูกมาก
คิดว่าลูกคงจะไม่ทำให้เค้าผิดหวัง
แต่พ่อก็โมโหซะจนลืมตัวทะเลาะกับแม่อย่างแรง
ลูกก็รู้ว่าแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่
พ่อผิดเองที่ไม่รู้จักคิดรู้จักยั้งความโกรธ เราทะเลาะกันแรงมาก
จนแม่เค้า......ล้มลงหัวใจวาย ยาที่เคยมีอยู่ในบ้านก็หาไม่เจอ
พ่อพาแม่แกส่งโรงพยาบาลก็สายไปซะแล้ว
พ่อกำลังเศร้ามากคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มันเกิดจากพ่อไม่อ่านจดหมายของแกให้จบซะก่อน
แม่แก็เลยมีอันเป็นไป
อ้อพ่อมีข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับลูก
ข่าวดีคือแม่แกยังอยู่สบายดีไม่มีอะไรพ่อล้อเล่น
ข่าวร้ายคือแม่เค้าเสียไพ่เลยไม่มีเงินส่งไปให้ลูก
แต่มันก็ยังดีกว่าที่แม่เค้าจะเป็นอะไรไปใช่ไหมล่ะ
หวังว่าลูกคงอ่านจดหมายจนจบนะ
ไม่ใช่ตกใจตะลีตะเหลือกไปฆ่าตัวตายซะก่อน
รักลูกมากจ้ะ
พ่อ

HASHIMA

ที่เขาว่าที่นี่คือ 'เมืองผี' ของญี่ปุ่น
ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ 'Battle Royale' มาก่อน
...ความเป็นมาดั้งเดิม นี่คือเมืองที่ถูกสร้างขึ้นบนทะเล และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Battleship Island ปัจจุบันเป็นเมืองร้างอยู่กลางทะเล และได้รับการโจษจันว่าผีดุ! อาคารร้าง แต่ละอาคาร ต่างมีบรรดาผี และวิญญาณคนตายแห่งท้องทะเล จับจองกันไปอยู่

...เกาะอันน่าสะพรึงนี้ อยู่ห่างจาก นางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร

HASHIMA
...เกิดขึ้นในยุคที่ อุตสาหกรรม ถ่านหิน กำลังเฟื่องฟู
(เหมือนครั้งหนึ่งสมัยเด็กๆ พวกเราเคยรู้จากวิชาสร้างเสริมประสปการณ์ชีวิตว่า ภาคใต้ของไทย เป็นแหล่งส่งออกแร่ดีบุก ที่มีคุณภาพ เหมือนๆ กับภาพแห่งความทรงจำในมหาวิทยาลัยเหมืองแร่
โดยการดำเนินการสร้างของ บริษัทมิตซูบิชิ
...ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับพนักงานจำนวนมาก ในอุตสาหกรรมถ่านหิน
(ไม่รู้ว่าไปขุดกันที่ไหน และทำไมมาตั้งอยู่บนทะเล และผมก็งงว่าทำไมหลายๆ ภาพมันเหมือนมีภูเขาอยู่ด้วย)
...เมืองแห่งนี้มีชีวิตเริ่มต้นในปี ค.ศ 1887 (ก่อสร้าง)
เเละเริ่มใช้งานได้ในปี 1890 ทว่าในยุค 60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่น ค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากถ่านหินลดความนิยม จากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างอื่น
...คล้ายกับ การทยอยปิดตัวของเมืองแร่ในภาคใต้ ซึ่งเราจะเห็นได้จากสายฝน และความเศร้า กับชีวิตลูกผู้ชายที่เหน็บหนาวไปถึงหัวใจในหนังเรื่องเหมืองแร่
...จนกระทั่งปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974
...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ ให้ระลึกถึงอดีต (อย่างหลอนๆ)
ถ้าใครได้ไปในสถานที่นี้ในเวลาปัจจุบัน คงจะหลอนน่าดู
เหมือนครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว
ต้องทำบทความเกี่ยวกับความทรงจำเกี่ยวกับสถานที่เก่าๆ ในเชียงใหม่ที่คนเชียงใหม่หลงลืม ก็นึกขึ้นได้ถึง
'พรพรหม พาราไดซ์' ในอดีตที่นี่เคยเป็น 'สวนน้ำขนาดใหญ่ของเชียงใหม่' ใหญ่ประมาณเกือบๆ ครึ่งของสวนสยาม แต่ปิดตัวลงไปหลายปี
พอได้กลับไปอีกครั้งก็พบกับ บรรยากาศน่าหดหู้ และวังเวงมากๆ เหมือนกับสวนสนุกร้างในหนัง THE PARK
...สไลด์เดอร์ยักษ์ที่เคยโดดเด่น ดูน่ากลัวและทรุดโทรม มีไม้เถาเกาะเกี่ยวจนน่ากลัว
...สระน้ำสำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่หลายๆ สระ ยังคงมีน้ำอยู่แต่เขียวคร่ำด้วยตะไคร่น้ำ เหมือนมีบางสิ่งรอเราอยู่ข้างใต้นั้น
...ทุกสิ่งทุกอย่างทรุดโทรม ฟักบัวกลางแจ้งสำหรับล้างตัวก็ยังคงอยู่ เก้าอี้พลาสติกสีขาวขุ่นสำหรับนั่งริมชายหาดก็ยังคงอยู่อย่างพังๆ
....คงจะคล้ายกับ HASHIMA ในเวลานี้
...ทุกอย่างน่าจะมีอดีต และสิ่งของเหล่านี้ก็น่าจะมีอดีตที่คนเคยหยิบใช้มัน
...คือข่าวคราวของอดีต (คนถ่ายก็เข้าใจถ่ายซะจริงๆ)
...ที่นี่ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้า จะได้ยินเสียงน่ากลัวดังค่อยๆ อย่างหวีดหวิวอยุ่ในสายลมและเสียงฝน ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะว่ากันว่า
'เมืองนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันโดดเดี่ยวอยู่เป็นเวลานานแล้ว
...ความหนาวเหน็บจากสายฝน บาดลึกไปถึงหัวใจของเมือง ซึ่งโหยหาใครสักคนไปอยู่ด้วย!'
...และสักวัน คงจะมีใครสักคนนำเรื่องราวของเมืองๆ นี้ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ขึ้นมา...

“สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต”

สิ่งที่ร่ำรวยที่สุดของชีวิต คือ สุขภาพที่แข็งแรง
บาปกรรมใหญ่หลวงที่สุดของชีวิต คือ ไม่กตัญญู
ความโง่เขลาที่สุดในชีวิต คือ ติดยาเสพติด
ความพ่ายแพ้ที่สุดในชีวิต คือ การทะนงตัว
ของกำนัลที่มีค่าที่สุดในชีวิต คือ การให้อภัย
ความชั่วช้าต่ำต้อยที่สุดในชีวิต คือ การข่มเหงผู้อื่น
การผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต คือ การเล่นการพนัน
การล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ความสิ้นหวัง
ความสุขมากที่สุดของชีวิต คือ การช่วยเหลือผู้อื่น
การยอมรับและนับถือที่สุดของชีวิต คือ ความก้าวหน้า
คนเราสร้างแต่ความดี ถึงแม้ว่าลาภผลยังไม่ได้รับแต่สิ่งภัยวิบัตินั้นได้หลีกห่างไกลไป
คนเราทำแต่ความชั่ว ถึงแม้กรรมชั่วยังไม่ได้ตอบสนองแต่ผลบุญนั้นได้หลีกห่างไปไกล
กฎแห่งชีวิตด้วยความปรารถนาดี

01 กรกฎาคม 2551

คู่รัก 2 คู่

เรามีเรื่องของคู่รัก 2 คู่มาเล่าให้ฟัง
… ทั้ง 2 คู่ต่างก็เป็นคู่รักที่รักกันมาก ดูแลเอาใจใส่และเข้าอกเข้าใจกันมานาน 7- 8 ปี เป็นคู่รักที่คนรู้จักต่างก็แน่ใจว่า อีกไม่นานก็คงได้ยินข่าวดีจากคู่รัก 2 คู่นี้แน่ๆ แต่แล้ววันนึงก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับคู่รักท ั้ง 2 คู่

….. เมื่อฝ่ายชายก็ได้พบใครใหม่ที่คิดว่า 'ใช่' มากกว่า ผู้หญิงคนใหม่ที่สวยกว่าและมีเสน่ห์มากกว่า ฝ่ายชายตัดสินใจคบดูใจด้วย โดยที่ยังไม่เลิกกับคู่รักเดิม

…. ยิ่งคบเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ ผู้หญิงคนใหม่ที่คบกันมา 2 - 3 เดือน กับคนรักคนเดิมใน 7- 8 ปีที่ผ่านมา เริ่มถ่วงดุลน้ำหนักที่เท่ากันบนตาชั่งการตัดสินใจขอ งเขา ทายสิว่า ชายหนุ่มทั้งคู่เลือกใค ร เขาทั้งคู่เลือกผู้หญิงคนใหม่

…. สิ่งที่ผู้ชายทั้งคู่ต่างหยิบยกมากล่าวถึงก็คือ คนรักคนเดิมที ่เคยคบด้วย มีอะไรบางอย่างที??เขาไม่ค่อยชอบใจ อาจจะเป็นนิสัยส่วนตัวบางประการ แต่ในขณะที่คบกันมานั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพอรับได้เมื่อเทียบกับความดีอื่นๆ ที่เธอทำให้เขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักอย่างหมดใจที่เธอมีให้เข า แต่วันนึงที่พบผู้หญิงคนใหม่ อะไรที่เคยทนได้ก็กลับทนไม่ได้ขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงคนใหม่ไม่ได้มีข้อเสียในจุดนั้น เหมือนคนรักเก่า แต่ข้อแตกต่างอยู่ที่

ผู้ชายคนที่ 1 ถูกคนรักของเขาจับได้เองว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่ และเมื่อขาบอกว่าเ ขาเลือกผู้หญิงคนใหม่ เขาให้เหตุผลว่า ' เขาดีกว่าคุณทุกอย่าง เขาคอยดูแลผม เขาเข้าใจผม(และที่สำคัญเขาสวยกว่า และใหม่กว่าคุณด้วย) '

ส่วนผู้ชายคนที่ 2
เลือกสารภาพกับคนรักว่า ' ผมเป็นคนผิดเองที่นอกใจคุณ แต่คนที่ผมเลือกก็เป็นเขา ขอโทษนะ ผมผิดเอง ขอโทษจริงๆ' ถามคุณว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างการปฏิบัติของผู้ชาย 2 คนนี้

…. แบบไหนที่ดูเป็น ' ลูกผู้ชาย' มากกว่ากัน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้ามีทางเลือก
… ผู้หญิงเราคงไม่เลือกสักทาง จริงไหม เพราะถ้ าเราเลือกได้จริงๆ เราก็ขอเลือกให้เขามีเราคนเดียวมากกว่า เราเชื่อว่า สิ่งที่คนส่วนใหญ่(อาจจะไม่ทุกคน
… แต่ก็เชื่อว่าเป็นจ ำนวนมาก) ต้องการมากที่สุดในการตัดสินใจที่จะรักและใช้ชีวิตอย ู่ร่วมกับใครสักคนแล้ว ก็คือความ'จงรัก' และ'ภักดี' คุณทมยันตี เคยกล่าวถึงคำทั้ง 2 คำไว้ และเราสรุปเป็นใจความได้ว่า ' จงรัก' อาจจะมากมายในวัยหนุ่มสาว อา จจะร้อนแรง อาจท่วมท้นในยามแรกรัก! แต่วันนึงอาจจะจืดจางได้ตามกาลเวลา แต่คนรักคู่ใดๆในโลกก็มักเริ ่มชีวิตคู่ด้วยคำๆ นี้ แต่ 'ภักดี' นั้นชั่วชีวิต ความจงรักหรือความรักนั้น เราเชื่อว่ามันไม่เข้มข้น ร้อนแรงตลอดไปก็จริง แต่มันคงเหลืออวลไอเป็นใยบางๆ ไว้ตราตรึงใจบ้างกระมังในยามที่เราหวนนึกถึงมัน แต่การที่คนสองคนอยู่กันมานานแสนนานขนาดนี้ ย่อมต้องมีความผูกพัน ความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจซึ่งกันและกันบ้างไม่มากก็ น้อย สิ่งที่เราเห็นจากคู่รักทั้ง 2 คู่ก็คือ

… ฝ่ายชายหมดความ 'จงรัก' ลงไป แต่ความรู้สึกอื่นๆ ล่ะ ความผูกพันของคนสองคน ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าอกเข้าใจที่เคยมี มันไม่เหลือพอที่จะผูกใจเขาให้อยู่กับเราแล้วหรือ คู่รักทั้ง 2 คู่ เป็นคู่ที่เรารู้จักดีทั้ง 2 คู่ ตอนที่เขารักกัน เขาก็รักกันมาก เขาดูแลกันเป็นอย่างดี ตอนนี้เมื่อถึงจุดแตกหัก เราพอรู้ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นอย่างไร พอเข้าใจว่าผู้หญิงที่รักและภักดีต่อฝ่ายชายแต่เพียง ผู้เดียวจะรู้สึ กอย่างไร ผู้หญิง 1 ใน 2 คนนี้บอกกับฝ่ายชายตอนที่เขามาขอเลิกว่า ' ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่กับคุณก่อน จะอยู่ดูแลคุณอีกสักพักเพราะตอนนี้ คนรอบข้างคุณและ! เพื่อนๆ ของเราไม่ค่อยมีใครอยู่ข้างคุณแล้ว พอเพื่อนๆ ของเรายอมรับผู ้หญิงคนใหม่ของคุณได้แล้วฉันก็จะไป' แต่ฝ่ายชาย เราไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะคิดอย่างไร อาจจะกำลังมีความสุขกับผ ู้หญิงคนใหม่ ความรักอาจกำลังท่วมท้น อาจกำลังวางแผนสร้างอนาคตที่สดใสกันอยู่ เขาอาจจะมีความรักที่รุ่งโรจน์กว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ เราก็หวังไว้แต่ว่าวันนึง เขาคงจะไม่เจอคนที่ 'ใช่มากกว่า' อีก เพราะนั่นหมายถึง ผู้หญิงที่ต้องเสียใจจะเพิ่มขึ้นอีก 2 คน ถ้าเราคิดจะมองหาคนที่ถูกใจ คนที่ 'ใช่' คุณเชื่อไหมว่า เราหาได้เกือบชั่วชีวิต แต่คนที่จะตรงใจคุณจริงๆ 100% นั้น ไม่มีหรอก นอกจากคุณจะหยุดความต้องการที่ไม่มีข้อสิ้นสุดของตัว คุณเองลง เราเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา ไม่ได้ต้องการบอกว่าใครผิดใครถูก แต่ต้องการให้คุณหยุดคิดสักนิดว่า อะไรในชีวิตที่คุณต้องการ อะไรที่เป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่ากัน มนุษย์เรา หากจะรักและคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร ก็คงจะต้องกา รเพียงแต่ ' เพื่อนคู่ชีวิต' สักคน คนที่อยู่กับเราเสมอไม่ว่ายามทุกข์ยาก ลำบาก หรือผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน คนที่มองเห็นข้อเสียและข้อผิดพลาดของคุณ แต่ก็ยังรักและยังอภัยให้คุณได้เสมอ คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณแม้คุณจะกลายเป็นตาแก่หัวล้าน พุงยาน หนังเหี่ยว เขาก็พร้อมที่จะแก่เฒ่าไปพร้อมกับคุณ แต่คนที่ว่ามานี้ คุณมักลืมเขาในยามที่คุณยัง มีความสุขอยู่ ในยามที่ชีวิตของคุณยังเป็น 'ผู้เลือก' ที่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ถูกเลือกได้อยู่ ในยามที่คุณยังมีหน้าตา มีเครื่องประกอบชีวิตที่เป็นที่สนใจจากคนเหล่านั้นอย ู่ คุณอาจจะต้องนึกถึงเขาอีกที ในยามที่คุณไม่มีใครแล้ว ในยามที่คนที่คุณคิดว่า 'ใช่' เขาก็ไปกับคนใหม่ที่เขาก็คิดว่า 'ใช่' มากกว่าคุณเหมือนกัน ปล. เราหวังว่าจดหมายฉบับนี้ จะได้รับการส่งต่อให้คนทุกคนได้อ่านโดยทั่วกัน เพราะเราตั้งใจเขียนจริงๆ และเรื่องที่เขียนทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง และจะเป็นความกรุณามาก ถ้าทุกท่านจะช่วยส่งต่อๆ กันไปให้คนที่ท่านอยู่จัก อย่างน้อยสัก 5 คน เราขออวยพรให้ความรักของทุกท่านจงประสบแต่ความสุขสมห วัง ขอขอบคุณจากใจจริง